ณรงค์ฤทธิ์ สุขสาร มือแฮกเว็บสำนักนายกฯ เข้าให้ปากคำแล้ว ยันบริสุทธิ์

 
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพาประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสโต์โดย คุณ  Lakornhd Thaitv สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            มารดาของนักศึกษา มรภ.จันทรเกษม ที่ถูกปล่อยภาพและข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่าเป็นคนแฮกเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ ลูกถูกใส่ความจากทีมแฮกเกอร์ที่มีเรื่องทะเลาะกัน ขณะนี้เจ้าตัวอยู่ระหว่างกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

            สืบเนื่องจากกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีผู้เข้าไปแฮกเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม โดยระบุว่า รู้ตัวผู้ลงมือก่อเหตุแล้ว เป็นคนนครศรีธรรมราช อายุ 29 ปี บ้านอยู่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับอยู่ และทางกลุ่ม Unlimited Hack Team ได้ให้ข้อมูลว่า ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ แต่อาจมีแฮกเกอร์บางคน หรือบางกลุ่มโยนความผิดมาให้

            ขณะเดียวกันได้มีรายงานว่า มีภาพของแฮกเกอร์รายหนึ่งถูกแชร์อยู่ในอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งมีการระบุข้อมูลว่า ชื่อ นายณรงค์ฤทธิ์ สุขสาร อยู่บ้านเลขที่ 114 ม.3 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าวเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

            ทั้งนี้ นางสาคร สุขสาร อายุ 62 ปี มารดาของนายณรงค์ฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ลูกชายไม่ได้อยู่ที่บ้าน และทำงานในบริษัทคอมพิวเตอร์ย่านรัชดา กทม. ซึ่งเป็นบริษัทของเพื่อนที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต โดยเพื่อนคนดังกล่าวเพิ่งชักชวนไปทำงานเมื่อต้นปี 2556 ที่ผ่านมา และแต่ละเดือนจะลูกชายจะส่งเงินมาให้แม่เดือนละ 4,000 - 5,000 บาท เพื่อเลี้ยงดูแม่และยายซึ่งป่วยหนัก

            นอกจากนี้ นางสาคร ยังกล่าวอีกว่า ลูกชายเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เป็นเด็กที่เก่งมาก เหลืออีก 9 หน่วยกิต ก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว ลูกชายตนเก่งคอมพ์มาตั้งแต่เด็ก เพราะเล่นเกมเยอะ จึงรู้เรื่องเกี่ยวกับเกมและคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี โดยวางแผนไว้ว่า หลังเรียนจบลูกจะกลับมาอยู่ที่บ้านเปิดร้านซ่อมและสอนคอมพิวเตอร์ ซึ่งตนยอมรับว่าลูกเป็นเด็กดี

            ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นางสาครได้โทรศัพท์ไปคุยกับนายณรงค์ฤทธิ์ โดยใช้เวลากว่า 2 นาที จากนั้นนางสาครได้เล่าว่า นายณรงค์ฤทธิ์ได้บอกกับแม่ว่า ตนเองบริสุทธิ์และถูกใส่ร้าย เนื่องจากเพิ่งทะเลาะกับทีมแฮกเกอร์ดังกล่าวจึงถูกใส่ความ แม่ไม่ต้องห่วง เพราะช่วงเวลาที่แฮกข้อมูลสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ตนกำลังทำงานอยู่ มีหลักฐาน ขอให้แม่สบายใจ

            อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา นายณรงค์ฤทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ตนเองกำลังทำงานอยู่ ทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว ขอปฏิเสธกับเรื่องทั้งหมด และยืนยันว่ายังไม่ได้หนีไปไหน ส่วนสาเหตุที่ตนตกเป็นผู้ต้องสงสัย คงเพราะตนทะเลาะกับทีมแฮกเกอร์ดังกล่าวเลยถูกโยนความผิดมาให้ ส่วนข่าวที่ออกมาว่า ตนได้รับเงิน 30 ล้านบาท จากพรรคประชาธิปัตย์เพื่อก่อเหตุ ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะหากได้เงินมา ป่านนี้ครอบครัวตนคงสบายไปแล้ว ซึ่งตนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อต่อสู้คดี ดังนั้นขอหารือกับทีมที่ปรึกษาก่อน จึงจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง และไม่ต้องการขอความช่วยเหลือจากใคร โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่ได้ทำอย่างแน่นอน


             ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันนี้ (10 พฤษภาคม) นายณรงฤทธิ์ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. โดยยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ได้เป็นผู้ลงมือแฮกเว็บไซต์ หรือให้ร้ายนายกฯ ด้วยข้อความที่ไม่เหมาะสม ส่วนที่ตนตัดสินใจเข้าพบ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ นั้น ก็เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการหลบเลี่ยงการเจาะเข้าระบบของบรรดาแฮกเกอร์

             ขณะที่ พล.ต.ต.พิสิษฐ์  กล่าวว่า ในเบื้องต้นตนจะให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนเกี่ยวกับรายละเอียดในการแฮกข้อมูล ด้านระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้หลักฐานทางดิจิตอล จากนั้นจะนำตัว นายณรงค์ฤทธิ์ ไปค้นบ้านพักย่านอาร์ซีเอ เพื่อหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ส่วนตัวอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่มีกลุ่มแฮกเกอร์เป้าหมาย ที่มีศักยภาพในการเจาะเข้าเซิฟเวอร์ของเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่เกิน 20 คน อยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อ เพื่อติดตามหาตัวมาสอบสวน

             ในส่วนของ นายณรงค์ฤทธิ์ ถ้าหากสอบสวนแล้วพบพิรุธ จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาทันที ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 แต่หากไม่พบข้อสงสัยจะปล่อยตัวไป และทำการสืบสวนเพิ่มเติม
 
             โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังติดในเรื่องของพยานหลักฐาน ที่ไม่มีความชัดเจนมากพอจะสามารถระบุได้ว่า ผู้ที่จะเข้ามามอบตัวเป็นมือแฮกเว็บไซต์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงมีการปิดบังอำพรางตัวโดยใช้เซิฟเวอร์จากต่างประเทศ ทำให้ยากต่อการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด แต่ทั้งนี้ ปอท. ก็มีวิธีที่จะสามารถสืบหาและเชื่อว่าจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้อย่างแน่นอน

             สำหรับกรณีที่ข่าวที่พรรคการเมืองใหญ่ อยู่เบื้องหลังกลุ่มแฮกเกอร์ที่ก่อเหตุนั้น  พล.ต.ต.พิสิษฐ์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ยังสอบสวนไม่ถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้จะต้องได้ตัวผู้กระทำความผิดมาก่อน จึงจะสามารถขยายผลได้ว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง

 




 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก