สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบโดย STRDEL / AFP
ปาฏิหาริย์! กู้ภัยบังกลาเทศช่วยชีวิตผู้หญิงรายหนึ่ง ที่ติดอยู่ในซากตึกถล่ม นานถึง 17 วัน สำเร็จ ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตทะลุเกินหลักพันแล้ว คาดยังเหลือศพฝังอยู่ด้านล่างอีกมาก
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นที่ประเทศบังกลาเทศ เมื่อทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยของบังกลาเทศ พบผู้รอดชีวิตติดอยู่ใต้ซากอาคารรานาพลาซา ที่พังถล่มลงมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เมษายน และสามารถช่วยชีวิตผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาได้สำเร็จ
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังตัดเหล็กรื้อซากอาคารอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นมาจากใต้ซากชั้นสองของอาคารรานาพลาซา โดย โมฮัมหมัด รูเบล รานา เจ้าหน้าที่กู้ภัยกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่า "ผมได้ยินเสียงร้องแผ่วเบาว่า ช่วยด้วย ช่วยด้วย" ก่อนที่จะช่วยกันตัดเศษเหล็กเศษปูน ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตซึ่งเป็นผู้หญิงออกมาได้ สร้างความดีใจให้กับญาติ ๆ และผู้มาคอยสังเกตการณ์กู้ชีวิตในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าสตรีรายนี้เป็นคนงานด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รีบให้ออกซิเจน น้ำ และบิสกิตแก่เธอ โดยขณะที่เธอถูกนำตัวลงเปลหามขึ้นรถพยาบาลไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทหาร เธอยังสามารถยิ้มให้ฝูงชนนับพันที่ร่วมกันโห่ร้องแสดงความยินดีได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยคาดเดาว่า เธอน่าจะรอดชีวิตได้เพราะดื่มน้ำที่ขังอยู่ด้านใน เมื่อครั้งเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำดับเพลิงที่ลุกไหม้อาคาร
"เธออยู่ตรงช่องว่างระหว่างเสากับคาน เธอชื่อเรศมี เธออาจมีน้ำสำรองหรือดื่มน้ำที่เราปั๊มใส่อาคาร" เจ้าหน้าที่ชื่ออาเหม็ด อาลี กล่าวกับเอเอฟพี
ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนกล่าวต่อทีวีท้องถิ่นโดยไม่เผยนามว่า เธอมีอาหารประทังชีวิตในวันแรก ๆ อย่างพวกอาหารแห้ง บิสกิต แต่อาหารเพิ่งมาหมดเมื่อ 2 วันก่อน เธอบอกด้วยว่า เธออยู่ที่ในจุดที่ปลอดภัย ซึ่งมีอากาศถ่ายเทและมีแสงส่องถึงด้วย
ด้านคณะค้นหาเปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันถึงขณะนี้เพิ่มเป็น 1,045 รายแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บมีกว่า 2,400 ราย โดย พลจัตวาซิดดิกุล อาลัม หนึ่งในหัวหน้าคณะกล่าวว่า ศพจำนวนมากแทบจะเหลือแค่โครงกระดูก และกลิ่นเน่าเหม็นจากใต้ซากบ่องบอกว่ายังมีศพเหลืออยู่อีกมาก
"เราเจอศพจำนวนมากบริเวณโถงบันไดและใต้บันได เมื่ออาคารเริ่มพังถล่ม คนงานคงคิดว่าไปหลบอยู่ใต้บันไดน่าจะปลอดภัย ทุกครั้งที่เคลื่อนย้ายแผ่นคอนกรีต เราจะพบศพกองอยู่" นายทหารผู้นี้ กล่าว
ขณะที่การสอบสวนเบื้องต้นของรัฐบาลบังกลาเทศระบุสาเหตุที่ตึกถล่มว่า เกิดจากแรงสั่นสะเทือนของเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ 4 ตัวที่ชั้นบนของอาคาร ซึ่งเปิดพร้อมกันขณะไฟฟ้าดับ โดยโศกนาฏกรรมนี้กลายเป็นหนึ่งในครั้งเลวร้ายที่สุดของโลก และได้สะท้อนให้เห็นปัญหาความปลอดภัยของโรงงานอุตสาหกรรมในบังกลาเทศ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสิ่งทอรายใหญ่อันดับสองของโลก นอกจากนี้ คนงานที่นี่ได้ค่าจ้างเดือนละไม่ถึง 40 ดอลลาร์ (ไม่ถึง 1,200 บาท) แลกกับการผลิตสินค้าแบรนด์เนมให้ชาติตะวันตก เช่น เบนาต็องของอิตาลี, ไพรมาร์กของอังกฤษ และแมงโกของสเปน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก