x close

หน้ากากขาว ป่วนเพื่อไทย โอ๊ค พานทองแท้ ปัด ทักษิณ โพสต์ด่าทีมงาน


โอ๊ค พานทองแท้ ปัด ทักษิณ โพสต์ด่าเพื่อไทย

 
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra

            หน้ากากขาว ป่วนเพื่อไทย ลือ แม้วสติแตก! หน้ากากขาวถล่ม ด่าทีมงานโง่ปล่อยพวกสวะเข้ามาหยาม ล่าสุด โอ๊ค พานทองแท้ ปัด ทักษิณ โพสต์ด่าทีมงาน พร้อมกับประกาศหนุนกฎหมายปรองดองที่ไม่ปรองดองกับฆาตกร 99 ศพ

            เมื่อวานนี้ (26 พฤษภาคม 2556) เฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra ของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการเขียนข้อความเกี่ยวกับ ประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์เฟซบุ๊กด่าแฟนเพจของ พรรคเพื่อไทย ว่า เป็นฝีมือ พ.ต.ท.ทักษิณ ตัวปลอม เพราะตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เข้าเฟซบุ๊กประมาณ 3-4 วันแล้ว นับตั้งแต่อยู่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับประกาศหนุนกฎหมายปรองดองที่ไม่ปรองดองกับฆาตกร 99 ศพ

            สำหรับข้อความทั้งหมดของนายพานทองแท้เกี่ยวกับประเด็น พ.ต.ท.ทักษิณ มีดังนี้

            ผมโทรไปหาคุณพ่อเมื่อกี้ครับ บอกว่ามีข่าวว่ามีโพสต์จากพ่อ ไปคอมเม้นท์ด่าเพจของพรรคเพื่อไทยว่า

            "พวกโง่ ๆ เพจ พรรคแท้ ๆ ยังปล่อยให้พวกสวะมันเข้ามาหยาม"

            คุณพ่อยืนยันว่า เป็นทักษิณฯ ตัวปลอมครับ (ไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มเดียวกับ "แดงปลอม" ที่สร้างสถานการณ์เผาเซ็นทรัลเวิลด์หรือเปล่า) เพราะครั้งสุดท้ายที่คุณพ่อเข้าเฟซบุ๊ก ก็คือเมื่อวันเสาร์ที่แล้วตอนอยู่ดูไบ นี่มาอยู่ที่อังกฤษ 3-4 วันแล้วยังไม่ได้แตะเฟซบุ๊กเลยครับ ถ้าจะด่าพ่อก็ด่าไอ้พวกปล้นประชาธิปไตย ไม่รู้จะไปด่าพรรคเพื่อไทยทำไม

            ขอเท้าความสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้เข้าเน็ต อาจจะไม่เห็นว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนะครับ คือเมื่อวานซืนมีเพจสาวกแมลงสาบ ได้ประกาศเชิญชวนบรรดาสาบ-สลิ่มทั้งหลาย ให้ช่วยกันเปลี่ยนรูปหน้าตัวเอง ไปเป็นรูปหน้ากาก กาย ฟอว์กส์ โดยบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านทักษิณฯ พร้อมทั้งเขียนข้อความ ให้ไปช่วยก๊อบปี้ไปแปะไว้ตามเพจต่าง ๆ สลิ่มที่มีคุณลักษณะหูเบาเป็นทุนเดิม และไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ ก็เชื่อเลยเปลี่ยนรูปตัวเองเป็นหน้ากาก กาย ฟอว์กส์ กันใหญ่

            ทีนี้ก็เกิดการวิจารณ์กันยกใหญ่กันในเน็ตสิครับ เพราะกาย ฟอว์กส์ ที่สลิ่มเอามาเทอดทูนเป็นต้นแบบ ถึงขั้นเอารูปมาเป็นโลโก้ของตนเอง โดยใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงกันเพียบ ที่แท้ก็คือผู้นำทางความคิดในการ "ล้มเจ้า" ตัวจริง-เสียงจริง เพราะคนผู้นี้ได้วางแผนที่จะลอบปลงพระชนม์ พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ ด้วยการวางระเบิด เมื่อปี ค.ศ. 1605 แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกประหารชีวิต

            ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์อย่างดี สำหรับพวกสลิ่มหูเบาครับ เขาเอาโกเต๊กใช้แล้ว เลอะประจำเดือนผู้หญิง ไปทาฐานพระบรมรูปฯ ก็เชื่อว่าทำดีทำถูก เอาปูนไปปิดตาพระก็เชื่อว่าทำดีทำถูก มาครั้งนี้เจอผู้นำบ้องตื้น ไม่รู้ประวัติศาสตร์ดันไปเอาคนล้มเจ้ามาเป็นฮีโร่ มาชวนกันใส่เป็นโลโก้แทนหน้าตัวเอง สลิ่มก็เฮตามกันไปอีก กลืนไม่เข้า-คายไม่ออกเลยครับทีนี้ จะเปลี่ยนกลับรูปเดิมก็แปลว่าตนยอมรับว่าโง่ ใช้รูปนี้ต่อไปยิ่งโชว์โง่ต่อไปอีก เฮ้อออ....ไม่รู้ว่าจะตะแบงแก้ตัวกันอย่างไรอีก

            ตัวผมไม่ถือหรอกครับ เห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมว่าดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยครับ แทนที่จะมาโพสต์ด้วยคำหยาบคายเช่นเดิม ก็โพสต์ด้วยถ้อยคำเหมือนกันทุก ๆ คน ดูดีมีสมองกว่าเมื่อก่อนเยอะ เมื่อก่อนมากหน้าหลายตาดูหน้าไม่รู้เป็นฝ่ายไหน เดี๋ยวนี้มองปร๊าดเดียวรู้เลย ใครรำคาญจะบล็อคก็บล็อคง่าย เห็นหน้ากากล้มเจ้าขึ้นมาก็กดบล็อคฟั่บ ง่ายกว่าเก่าจมเลย

            หวังว่างานนี้คงไม่มีพรรคใด อยู่เบื้องหลังนะครับ ไม่งั้นประชาชนคงขาดที่พึ่งเข้าไปอีก เพราะถ้าเก่งแต่เรื่องแบบนี้ อีกกี่สิบปีก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลครับ

ฮิ้วววววววว.........

gagagagagagagagaga

----------------------------------------------

            ขณะที่ข้อความของนายพานทองแท้ทั้งหมดเกี่ยวกับประเด็นกฎหมายปรองดอง มีดังนี้

            ผมยินดีสนับสนุน "กฎหมายปรองดอง" ฉบับใดก็ได้ที่ "ไม่ปรองดองกับฆาตกร 99 ศพ" ครับ

            เหตุผลและความจำเป็น ที่ผมต้องสนับสนุน พรบ.ปรองดองฯ ฉบับใดฉบับหนึ่งก็คือ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา การกระทำแบบสองมาตรฐาน ซึ่งรัฐบาลที่มาจากคณะปฏิวัติ 19 กันยา 49 ได้ฝังรากไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญ, องค์กรอิสระ, กระบวนการยุติธรรมบางส่วน ฯลฯ ทำให้การตัดสินและพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ผิดเพี้ยนไป ทำให้มีกลุ่มบุคคลในสังคมไทย ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ

            1. ผู้ที่ได้เปรียบจากผลพวง 2 มาตรฐาน

            2. ผู้ที่ถูกกระทำจากผลพวง 2 มาตรฐานนี้ และ

            3. กลุ่มผู้ที่อยู่ตรงกลาง แต่ได้รับผลกระทบจากข้อขัดแย้งของคนทั้ง 2 กลุ่ม

            แน่นอนว่ากลุ่มที่ 1. ผู้ที่ได้เปรียบจากกระบวนการ 2 มาตรฐานนี้ ย่อมพึงพอใจในความได้เปรียบ และพยายามทุกวิถีทางที่จะยังคงสถานการณ์นี้ไว้ โดยกระทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้การปรองดองนี้เกิดขึ้นได้ เช่นกลุ่มบุคคลที่แพ้ซ้ำซาก ไม่มีโอกาสชนะการเลือกตั้งมาหลายสิบปี แต่มีตัวช่วยจากมือที่มองไม่เห็น ได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร สามารถพลิกสถานการณ์ จากแพ้เลือกตั้ง มาเป็นได้จัดตั้งรัฐบาล เป็นต้น

            ส่วนกลุ่มที่ 2. ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกกระทำฯ ทุกวันนี้ยังคงรับเคราะห์รับกรรมอยู่ เขาและเพื่อนมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ขอหีบเลือกตั้งจากรัฐบาล เพื่อน 90 กว่าคนกลับได้หีบศพไปแทน เขาย่อมต้องเรียกร้องหาความยุติธรรมครับ สิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มขวัญและกำลังใจในการต่อสู้ ของพวกเขาและเพื่อนทั้ง 90 กว่าคนก็คือ การที่ได้แรงใจแรงสนับสนุน จากกลุ่มบุคคลในกลุ่มที่ 3. ที่มีใจรักความเป็นธรรม เพิ่มมากขึ้นเรื่อยในสังคม เมื่อคนกลุ่มที่ 3. นี้ ได้รับทราบข้อมูล 2 มาตรฐานมากขึ้น จึงได้ตัดสินใจเข้ามาเป็นแนวร่วมของกลุ่ม 2. (ถ้าบังคับให้ตอบว่า 2+2=5 กูก็กล้าแดงวะ) ทำให้นับวันกลุ่มสนับสนุนจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้จากการชุมนุมที่ผ่านมา (ไม่ต้องจ้าง กรูมาเอง)

            กลุ่มที่ 3. หลักการง่าย ๆ ของกลุ่มนี้คือ ไม่ต้องการให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นครับ เหลืองปิดสนามบินก็เคือง เหลืองยึดทำเนียบก็เคือง แดงปิดราชประสงค์ก็เคือง รัฐบาลปิดล้อมฆ่าม็อบก็เคือง คือใครจะทำไร-เรียกร้องไรก็แล้วแต่ อย่าให้ฉันต้องเดือดร้อน ดังนั้นกลุ่มนี้จึงเอนเอียงไปข้างที่กุมความได้เปรียบ เพราะไม่ต้องการให้มีการเรียกร้องอะไรอีก เนื่องจากตนเองไม่ชอบความวุ่นวาย

            ขณะนี้คนกลุ่มที่ 1. กำลังพยายามเดินสาย ดึงคนกลุ่มที่ 3. เพื่อให้เข้าร่วมปกป้องความได้เปรียบของตนเองไว้ครับ ทำทุกวิถีทางที่จะไม่ยอมให้การเมืองไทย อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม สิ่งที่ทำให้คนกลุ่ม 1.นี้ตกอยู่ในวังวน ก็คือการกลัวแพ้ทักษิณฯ ไปเรื่อย ๆ เพราะเกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยชนะเลยสักครั้ง ประชาธิปไตยที่นานาประเทศเขาใช้กัน อย่าหวังเลยครับว่าไทยจะได้ใช้ ถ้ายังปล่อยให้คนกลุ่มนี้จ้องที่จะเอาเปรียบกันอยู่

            แนวทางแก้ไขในมุมมองของผมคือ ต้องมีการล้างไพ่แล้วเล่นกันใหม่ครับ รัฐธรรมนูญสำรับเดิม ที่ผ่านการปรุงรสจากเผด็จการ รวมถึงการลงโทษเอาผิดกันแบบ 2 มาตรฐาน ต้องมีการพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องยุติธรรม

            คนกลุ่ม 1. เคยปิดสนามบิน ประเทศชาติเสียหายหลายแสนล้านไม่เป็นไร

            คนกลุ่ม 2. เอามั่ง ปิด 4 แยกโดนล้อมฆ่าเกือบร้อย ที่เหลือต้องโทษติดคุกกันเป็นว่าเล่น

            แบบนี้ยอมไม่ได้หรอกครับ....ไม่ผ่านครับ...ไม่ผ่าน

            ผมยืนยันว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คนกลุ่มที่ 2. ซึ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จะไม่ยินดีและไม่ยินยอม ให้มีการบังคับใช้กฎหมายแบบ 2 มาตรฐาน มาโกงมาเอาเปรียบกันอีกต่อไป กรรมการจะต้องเลิกเข้าข้างเลิกโกงการตัดสิน หันมายึดกติกาประชาธิปไตยเป็นหลัก ประเทศชาติถึงจะไปรอดครับ ถ้าปล่อยให้คนกลุ่ม 1. ยังคงความได้เปรียบแบบนี้ต่อไป แถมด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศ ยังทำตัวเป็นแมวมองคอยปั้นเด็กในสังกัด ซึ่งยังเป็นลูกแหง่ที่ต้องคอยประคบประหงม ให้ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ หากยังปล่อยให้เด็กเล่นขายของกันต่อไปอย่างนี้ ขอบอกว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่เสียเปรียบ (แต่ชนะเลือกตั้ง) มาตลอด เขาไม่ยอมแล้วครับ

            ดังนั้นการที่จะทำให้บ้านเมืองสงบได้ คนทุกกลุ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน ไม่ต้องมาเรียกร้องสิ่งใดอีก ก็คือการคืนความเป็นธรรมให้กับมวลชนทุกคนครับ เหตุการณ์วุ่นวายต่อเนื่องก็ให้จบกันไป แต่สำหรับคนที่สั่งการฯจนพี่น้องไทยต้องตายไปเกือบร้อยศพนั้น ควรต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายครับ

            คำว่า "ปรองดอง" ความหมายตรงข้ามกับคำว่า "แตกแยก" โดยสิ้นเชิง ดังนั้น

            "กฎหมายปรองดอง ต้องเป็นจุดเริ่มของความสงบในบ้านเมือง" ครับ








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หน้ากากขาว ป่วนเพื่อไทย โอ๊ค พานทองแท้ ปัด ทักษิณ โพสต์ด่าทีมงาน อัปเดตล่าสุด 6 สิงหาคม 2556 เวลา 11:18:29 2,517 อ่าน
TOP