เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น โพสต์โดย คุณ ThaiTVshowsHD สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม, Instagram sorrayuth9111
กลายเป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญที่พลเมืองดี 2 คน ได้ไปช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นคุกคาม บริเวณใต้สะพานบ่อโพง ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยการพาขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับออกไป แต่ด้านกลุ่มคนร้ายโมโห เร่งเครื่องตามมา และเรียกพวกมาเพิ่มเป็น 4 คน โดยเป็นเยาวชน 3 คน ผู้ใหญ่ 1 คน รุมทำร้ายพลเมืองดีจนได้รับบาดเจ็บ เย็บถึง 21 เข็ม เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556 ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ช่วงเย็นวานนี้ (18 มิถุนายน) รายการเจาะข่าวเด่น ได้พาผู้เสียหาย และพลเมืองดี มาพูดคุยถึงนาทีระทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ให้ได้ทราบกัน
โดยนางสาววิไลวรรณ บุญยอ อายุ 31 ปี แฟนของ นายวทัญญู ธัญญพันธ์ อายุ 24 ปี สองพลเมืองดี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า แฟนขับรถจักรยานยนต์กำลังพาตนกลับหอ ซึ่งระหว่างทางก็เห็นน้องผู้หญิงยืนอยู่ริมถนน ยืนตัวสั่นร้องไห้ และคุยโทรศัพท์อยู่ พร้อมกับโบกมือเรียกรถข้างทาง แต่ไม่มีคนจอดเลย แฟนตนก็เลยถามว่าเข้าไปดูไหมว่าน้องเขาเป็นอะไร เพราะเห็นผู้ชาย 2 คน อยู่บนรถจักรยานยนต์ ใกล้ ๆ กำลังจ้องหน้าน้องเขา
นางสาววิไลวรรณ กล่าวต่อไปว่า ตนกับแฟนตอนแรกก็คิดว่าเป็นเรื่องของผัวเมียทะเลาะกัน แต่เมื่อขับเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นว่าน้องเขาร้องไห้ตัวสั่น และพยายามโบกรถร้องขอความช่วยเหลือ เลยตัดสินใจเข้าไปถาม ซึ่งถามว่าเกิดอะไรขึ้น รู้จักกับเขาไหม ด้านน้องผู้หญิงตอบว่า ไม่รู้จัก หนูเป็นคนสุพรรณ ช่วยยืนเป็นเพื่อนหนูหน่อย เดี๋ยวแฟนหนูก็มารับแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นตนกับแฟนก็เลยจอดรถรอ แต่นั่งค่อมรถไว้ไม่ได้ลง
ด้านนางสาวณัฐพัชรี อายุ 29 ปี หรือนวล เล่าให้ฟังว่า ตนเพิ่งลงจากรถตู้ และรอแฟนมารับ โดยตอนลงนั้นลงมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคน แต่เขาไปก่อน ส่วนตนก็โทรศัพท์หาแฟนทันที แฟนบอกว่าให้เดินออกมาจากศาลาแล้วไปอยู่ในที่ที่สว่าง พร้อมบอกว่ากำลังรีบออกไปรับ
"ตรงนั้นเป็นทางโค้ง พอหนูเดินไปถึงจุดที่เป็นไฟทาง ก็มีผู้ชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วค่อย ๆ ชะลอมองหน้า แล้วก็ถามหนูว่าขอเบอร์ได้ไหม หนูคุยโทรศัพท์กับแฟนอยู่ ไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็เริ่มกลัว จากนั้นพวกเขาก็ขับรถออกไปประมาณ 100 เมตร แล้ววกรถกลับมาหาหนูอีก คราวนี้จอดถัดจากหนูไปนิดนึง ถามหนูอะไรต่อไม่รู้ หนูไม่ได้ฟังและหันหน้าหนี พยายามโบกรถ บอกให้แฟนมารับให้เร็วที่สุด เพราะหนูกลัวมาก" นางสาวณัฐพัชรี กล่าว
ส่วนนางสาววิไลวรรณ กล่าวต่อว่า พอตนจอดรถรอแฟนพร้อมกับน้อง กลุ่มวัยรุ่นผู้ชาย ก็ตะโกนบอกว่า "มึงเก๋านักใช่ไหม เดี๋ยวมึงเจอกู" ตนกับแฟนเลยพาน้องเขาซ้อนรถจักรยานยนต์ และบอกว่าเดี๋ยวให้แฟนไปรับที่จุดชุมชนดีกว่า ตรงนี้มันอันตรายมาก แต่ก็ไม่ทันการณ์เพราะน้องณัฐพัชรีบอกว่าพี่ไม่ทันแล้ว เขามีขวดเบียร์ เขากำลังขับตามมา ซึ่งน้องเขาก็กระโดดลงจากรถไปทันที
นางสาวณัฐพัชรี กล่าวว่า ตอนนั้นตนกลัวมากไม่รู้จะทำอย่างไร กลัวพวกคนร้ายมากระชากผมแล้วเราจะร่วงลงไป เลยกระโดดลงไปเองดีกว่า
ขณะที่ นางสาววิไลวรรณ เล่าต่อว่า พอน้องกระโดดลงไปขวดเบียร์ที่คนร้ายขว้างมา ก็กำลังจะลอยมาที่หัวแฟนของตน ตนเลยใช้แขนรับ ขวดเบียร์ก็แตกกระจายไปกับถนน ต่อมาตนกับแฟนเห็นท่าไม่ดีเลยจอดรถแล้ววิ่งหนี เพราะคนร้ายพยายามจะขว้างปาอะไรมาอีก และในมือก็มีเหล็กฉากถือมาด้วย ตอนแรกก็จูงมือกันวิ่ง แต่ตนวิ่งไม่ไหว สะดุดแล้วสะดุดอีกเลยบอกแฟนให้หนีไปเลย เพราะตนเป็นผู้หญิงคนร้ายคงไม่ทำร้าย แฟนเลยวิ่งหนีลงสะพานไปอีกฝั่ง ซึ่งตนเห็นคนร้ายวิ่งตามไปติด ๆ
ด้าน นายสนอง หัสดวง อายุ 46 ปี เจ้าของร้านต้มเลือดหมู เล่าว่า ตนเห็นนายวทัญญูวิ่งหอบหืดมาที่ร้านของตน ซึ่งตนกำลังจะปิดร้านแล้ว เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น นายวทัญญูบอกว่ามีคนกำลังจะมาทำร้าย และแฟนได้รับบาดเจ็บหลบอยู่ตรงโพรงหญ้า โดยยังพูดไม่ทันขาดคำกลุ่มคนร้าย 2 คน ก็เดินเข้ามาใช้เหล็กฉากตีนายวทัญญู จากนั้นก็มาเพิ่มอีก 2 เป็น 4 คน โดยตนเข้าไปห้ามแต่ก็โดนลูกหลง จึงตะโกนว่า มึงทำกูเจ็บ กูยิงมึงทิ้งจริง ๆ แน่ แล้วเดินไปหลังร้านกะว่าจะเอาปืนมายิงขู่ ซึ่งคนร้ายได้ยินดังนั้นก็รีบหลบหนีไป
นายสนอง กล่าวต่อว่า เมื่อคนร้ายไปแล้วตนกลับมาหานายวทัญญู ก็ตกใจเพราะนอนจมกองเลือดอยู่ ตนเลยติดต่อกับเพื่อนที่เป็นหน่วยกู้ภัยให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล และให้ไปรับแฟนของนายวทัญญูด้วย
นางสาววิไลวรรณ กล่าวว่า เมื่อตนไปถึงก็ขอบคุณนายสนอง และเดินกลับไปยังรถจักรยานยนต์ แต่ปรากฏรถของตนนั้นถูกคนร้ายฟาดยุบตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แถมกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ก็หายไป เหลือเพียงแต่กระเป๋าเสื้อผ้าเท่านั้น ต่อจากนั้นตนก็ไปหาแฟนที่โรงพยาบาล พอแฟนเห็นหน้าตนปุ๊บก็ถามว่าตนเป็นอะไรไหม และถามถึงน้องผู้หญิงดังกล่าวว่าปลอดภัยไหม ส่วนสภาพแผลของแฟนนั้นเย็บถึง 21 เข็ม ถึงหน้าตาจะดูเจ็บปวด แต่เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไรแค่นี้ไกลหัวใจ
ส่วนด้านนางสาวณัฐพัชรี ก็ไปแจ้งความพร้อมกับแฟนและเข้าไปเยี่ยมนายวทัญญู พร้อมกล่าวขอบคุณ เพราะว่าถ้าไม่ได้นายวทัญญูก็อาจจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเธอก็ได้
ขณะที่ นางสาววิไลวรรณบอกว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตนก็เลือกที่จะช่วยน้องผู้หญิงเขาอยู่ดี เพราะสภาพตอนนั้นน้องเขาตกใจกลัวมาก ถ้าญาติหรือลูกหลานเราตกอยู่ในสภาพนั้น ก็คงรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน และตนกับแฟนก็รู้สึกดีใจที่น้องเขาปลอดภัย