พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ศาลปล่อยตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังไม่พบพฤติการณ์หลบหนี โดยตั้งเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ
เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 11 กรกฎาคม 2556 ศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ภาค 7 ในคดีที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ จำเลย ทีถูกพนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี สั่งฟ้อง 3 คดี ดังนี้
คดีแรก พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี โจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จำเลยที่ 1, นายเอก เลาหะวัฒน์ จำเลยที่ 2 และนายอัคร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 3 ข้อหาร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีที่สอง พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี โจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จำเลย ข้อหาผิดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และ พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551
คดีที่สาม พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี โจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 1 และ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร จำเลยที่ 2 คดีลักทรัพย์และรับของโจร โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอศาลอุทธรณ์ภาค 7 ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดเพชรบุรี ไม่อนุญาต เนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ เกรงหลบหนี หรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานหรือข่มขู่พยาน
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2556 ส่งมายังศาลจังหวัดเพชรบุรีเพื่ออ่านคำสั่งเมื่อวานนี้ โดยเบิกตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จากเรือนจำกลางเพชรบุรี มาฟังคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยมีอาชีพและที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เมื่อถูกกล่าวหาก็เข้ามอบตัวสู้คดี โดยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด
นอกจากนี้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ยังไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แสดงถึงความพร้อมในอันที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามกระบวนการยุติธรรมโดยชอบ กรณีนี้จึงสมควรให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดีในชั้นพิจารณาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งตีราคาประกันคดีร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนา 3 ล้านบาท คดีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ และ พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าวฯ คดีละ 5 แสนบาท โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ให้ญาตินำโฉนดที่ดินมาวางเป็นหลักทรัพย์ประกันตัว จากนั้น พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางเพชรบุรี ในเย็นวันเดียวกัน ภายใต้เงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักรและห้ามยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2555 นายสว่าง นุ่มจุ้ย เจ้าของกิจการไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และ น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย บุตรสาว เจ้าหน้าที่สถิติ ระดับ 3 โรงพยาบาลตำรวจ ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี ว่าพบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีเทา ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย อายุ 30 ปี กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายและสะใภ้ของนายสว่าง หายไปทั้งคนทั้งรถนานกว่า 3 ปี จนพบรถที่บ้านร้างของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ซึ่งอยู่ใน จ.นนทบุรี โดยผู้ให้เบาะแสการพบรถคือนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ นั่นเอง
ต่อมามีการสืบสวนขยายผลไปค้นบ้านพักในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และคลินิกของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในกรุงเทพฯ จนพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบว่า มีแรงงานชาวพม่าที่อยู่ในการดูแลของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่เข้าเมืองโดยมิได้รับอนุญาตจำนวนหลายคนหายตัวไป
และจากการขุดบริเวณไร่หลังบ้านที่ ต.กลัดหลวง ตามคำบอกเล่าของนายสุเทพ ก็พบโครงกระดูกจำนวน 4 โครงถูกฝังอยู่ บางโครงมีร่องรอยกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ ซึ่งเมื่อตรวจพิสูจน์ทาง DNA แล้วพบว่าเป็นโครงกระดูกของแรงงานชาวพม่าที่หายไปจริง ทั้งยังพบว่า มีการทารุณแรงงานชาวพม่าหลายคน ที่ทำงานโดยมิได้รับค่าตอบแทน
หลังจากนั้น พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก็ถูกจับกุมตัวได้ที่ปึกเตียนวิลล่า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางเพชรบุรีตลอดมา กระทั่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 เมื่อเย็นวานนี้
เกาะติดข่าว คดีหมอสุพัฒน์ ทั้งหมด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
