x close

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด


น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น โพสต์โดย คุณ ThaiTV19 HD สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด ร่ำไห้ถ้าชาติหน้ามีจริงอยากให้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก

            เรียกได้ว่าข่าวการเสียชีวิตของน้องโมจิ หรือ พลอยชมภู ศรีวิกุล เด็กน้อยวัย 6 เดือน 21 วัน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ทำเอาใครหลาย ๆ คนใจหายไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่ติดตามอาการของน้องโมจิมาตั้งแต่เริ่มป่วย ซึ่งหลายคนก็ เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวน้องโมจิเสมอมา  ล่าสุด ทางรายเจาะข่าวเด่น (23 สิงหาคม 2556) ก็ขอพาคุณแม่เมียมและคุณพ่ออ้อม มาพูดคุยเกี่ยวกับโรคพันธุกรรม ที่ร้ายแรงชนิดนี้ และความรู้สึกหลังจากที่ลูกสาวคนแรกของพวกเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

            โดยแม่เมียม คุณแม่ของน้องโมจิ เผยถึงอาการคร่าว ๆ ของลูกสาวให้ฟังว่า น้องโมจิป่วยเป็นโรคพันธุกรรมเมตาบอลิซึม ซึ่งมีภาวะกรดแลคติกในเลือดสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า โดยเป็นความผิดปกติของเซลล์ในร่างกายตั้งแต่กำเนิด เลยทำให้ระบบเผาผลาญกรดแลคติกในเส้นเลือดไม่ทำงาน ส่งผลให้น้องเกิดอาการซึม ไม่ทานนม ตัวเขียว อาเจียน และชักได้ตลอดเวลา

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

            คุณแม่เมียม เล่าย้อนไปถึงวันที่น้องโมจิลืมตาดูโลกวันแรกให้ฟังว่า... "ตอนน้องคลอดออกมาน้ำหนักค่อนข้างน้อย เพราะเขาไม่ค่อยโตในท้อง ตอนแรกเกิดน้ำหนักเพียง 2,270 กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 2,500 กิโลกรัม และพอคลอดมาแล้วก็ต้องให้น้ำเกลือเลย เพราะน้องน้ำตาลต่ำ ให้น้ำเกลือประมาณ 2-3 วัน ก็ดีขึ้น กลับบ้านได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป พอเลี้ยงมาประมาณ 2 เดือน ก็เริ่มเห็นความผิดปกติของโมจิ เพราะน้องทานนมน้อยมาก ๆ ตอนแรกก็กลัวว่าน้องจะไม่โตเฉย ๆ เลยไปปรึกษาหมอ ซึ่งหมอก็แอดมิทให้น้ำเกลือไป 6 วัน ตอนนั้นรู้แค่ว่าลูกทานนมน้อยและมีกรดในเลือดเท่านั้น"

            ด้านคุณพ่ออ้อม กล่าวเสริมว่า น้องโมจิไม่ทานนมเลย พอใส่ปากก็ดันออกตลอด จากวันหนึ่งกิน 20 กว่าออนซ์ เหลือวันละ 8-10 ออนซ์ ซึ่งมันน้อยมาก ๆ สำหรับเด็กแรกเกิด และก็สังเกตการฉี่ของน้อง โดยปกติเด็กจะฉี่วันหนึ่งประมาณ 10 กว่าครั้ง แต่น้องโมจิฉี่แค่วันละ 6 ครั้ง จากนั้นก็ลดลงมาแค่วันละ 4 ครั้ง แพมเพิร์สแทบไม่ได้ใช้เลย...

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

            เมื่อเห็นความผิดปกติเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้คุณหมอจะยังไม่ทราบสาเหตุแต่ในเมื่อเห็นลูกทานนมไม่ได้ ใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็พยายามจะตื้อคุณหมอ พาไปหาคุณหมอบ่อย ๆ โดยคุณแม่เมียม กล่าวว่า ตอนแรกคุณหมอบอกว่าน้องโมจิอาจจะเจ็บคอ แต่เราก็รู้ว่ามันผิดปกติก็เลยพาไปหาหมออีก พยายามตื้อหมอ จนสุดท้ายหมอก็เจาะเลือดดู และพบว่าค่าใบคาบ (ค่ากรดปกติ) ของน้องโมจิต่ำมาก จากคนปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 20 กว่า แต่ขอน้องโมจิเหลือแค่ 9 หมอเลยสั่งให้แอดมิททันที ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา

            "คุณหมอใส่สายน้ำเกลือให้น้องโมจิ เจาะเลือดน้องโมจิตรวจทุกชั่วโมง แต่สักพักน้องก็มีอาการตัวเหลือง ตอนแรกตกใจมากเพราะเข้ามายังดี ๆ อยู่เลย พอถึงช่วงเที่ยงคืนอาการของน้องโมจิก็แย่ลง พยาบาลบอกว่าน้องเริ่มหายใจเองไม่ได้เพราะกรดมันขึ้น จึงพาเข้าห้องไอซียูและพบว่าค่าใบคาบของน้องเหลือเพียง 3 สามารถช็อกได้ตลอดเวลา ทางคุณหมอและพยาบาลก็พยายามช่วยทุกวิถีทาง จนกระทั่งประมาณตี 3 น้องโมจิก็ตอบสนองกับยา อยู่โรงพยาบาลได้ 7 วัน แล้วก็กลับบ้าน" คุณแม่เมียม กล่าว

            แต่หลังจากที่ลูกเข้าห้องไอซียูนั้น คุณหมอได้เรียกคุณแม่และคุณพ่อมาพูดคุยในห้องประชุม โดยบอกว่า น้องโมจิเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ไม่ได้เกิดจากพ่อแม่ เป็นโรคกรดในเลือดชนิดรุนแรง ไม่มีทางรักษาให้หายได้... วินาทีนั้นหัวใจคนเป็นพ่อเป็นแม่แทบจะแหลกสลาย แต่ก็ตั้งสติและรับฟังคุณหมอถึงวิธีการดูแลลูกเมื่อเป็นโรคนี้ เพื่อจะรักษาให้ลูกมีชีวิตต่อไปได้นานที่สุด

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

            สำหรับวิธีเลี้ยงที่กลับมาจากโรงพยาบาล คุณแม่เมียม เล่าว่า คุณหมอบอกว่าทำอย่างไรก็ได้ให้น้องไม่ขาดนม ไม่ขาดอาหาร และไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก เพราะกลัวน้องจะทรุด แต่ทั้งนี้ น้องไม่รับนมไม่รับน้ำเลย เราเลยต้องใส่สายให้นม ให้ลูกมีปริมาณสารอาหารที่พอเพียงเพื่อที่จะได้ไม่ป่วยและพยายามไม่ให้ลูกเครียดด้วย

            "เรารู้ตลอดว่าลูกเจ็บ ลูกเครียด เพราะลูกจะร้องแบบไม่เหมือนเด็กปกติ จะร้องเหมือนคนเจ็บแต่ก็บอกไม่ได้ เลยต้องอุ้มลูกตลอดเพราะถ้าจะวางน้องก็จะจับเสื้อ จะจับหน้า เหมือนกับจะบอกเราว่าไม่ให้วาง ส่วนสายให้นมนั้น น้องดึงออกทุกวัน เผลอเป็นดึง ๆ ตลอด หลัง ๆ มานี่พอใส่เข้าไปแล้วน้องอ้วกออกมาเลย เสมหะก็เยอะ" คุณแม่เมียม กล่าว

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

            หลังจากที่รู้ว่าลูกเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายได้ ก็พยายามจะไปหาหมอที่อื่น ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อหมอที่ศิริราช แต่อยากจะทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ อยากมีความหวังสักเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี โดยคุณแม่เมียมและคุณพ่อได้ไปปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แต่ก็ได้คำตอบเดียวกันคือน้องรักษาไม่หาย ต่อจากนั้นก็ไปหาที่โรงพยาบาลรามาฯ เพราะมีศูนย์โรคแปลก ซึ่งก่อนหน้าที่น้องจะเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งแล้วเสียชีวิต ได้ให้เพื่อน ๆ ในเฟซบุ๊กทำจดหมายส่งไปที่อเมริกา ซึ่งทางอเมริกาก็ตอบรับและทุกคนในโรงพยาบาลทราบเรื่องน้องโมจิกันหมด ทำให้ตนดีใจมากเริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้ว และเตรียมตัวจะไปอเมริกาเลยทันที ส่วนเพื่อน ๆ ทุกคนก็ช่วยเหลือค่าตรวจโรคและค่าใช้จ่าย จริง ๆ แล้วที่ตนตั้งเพจขึ้นมาไม่ได้ต้องการรับบริจาค แต่ตั้งไว้แชร์เรื่องราวของลูกและโรคร้ายที่ลูกต้องเผชิญเพื่อให้แม่ ๆ คนอื่นได้ทราบ

            แต่แล้วความหวังที่จะพาน้องโมจิไปรักษาที่อเมริกาก็ต้องพังทลาย เมื่อน้องโมจิอาการทรุดลง คุณแม่เมียมและคุณพ่ออ้อมจึงพามาโรงพยาบาลศิริราช เมื่อมาถึงก็เจาะเลือดให้น้ำเกลือ แต่ก็หาเส้นเลือดไม่เจอเลยต้องเจาะที่เส้นเลือดใหญ่ เจาะไขกระดูกตรงขา ความดันต้องก็ต่ำมากทำให้หาเส้นเจาะเลือดยาก มีสายระโยงระยาง 12 เส้น ตอนนั้นคุณแม่ทำใจไม่ได้ แต่ก็เข้มแข็งบอกกับคุณหมอไปว่า... ถ้าลูกไม่ไหวก็ต้องปล่อยลูกไป เพราะตนไม่อยากเห็นแก่ตัวยื้อให้ลูกอยู่เพื่อเราแต่ลูกเจ็บ

            "ตอนนั้นน้องโมจิตัวเหลือง สักพักก็หน้าซีด ปากม่วง และก็ส่งเสียงครวญครางเหมือนเสียงเด็กอ้อแอ้ แต่คุณหมอบอกว่าเป็นอาการชักเงียบของน้อง เพราะมีอาการตาค้าง เกรงมือ สักพักก็ต้องครอบออกซิเจนให้น้อง แต่ทุกอย่างก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว น้องโมจิชีพจรต่ำลงมาก ซึ่งคุณหมอพูดคำว่า 'กำลังช่วยชีวิตน้องอยู่' ทำให้เรารู้เลยว่าอาการเข้าขั้นวิกฤติแล้วแน่นอน เราได้ยินแค่ว่าต้องให้ด่างเพื่อไปเพิ่มค่าใบคาบ รู้แค่นั้น... ต่อมาคุณหมอก็บอกอีกว่า อาการของน้องแย่ลงกว่าเดิม เพราะพบว่าหัวใจน้องโตมาก ระบบทำงานไม่ดี ทางคุณหมอก็ช่วยเต็มที่ฉีดยาขยายหลอดเลือด พยายามช่วยน้องทุก ๆ อย่าง"

            และเมื่อเวลาเที่ยงคืนของเดียวกันนั้น พยาบาลก็โทรมาหาบอกว่า น้องความดันต่ำมาก ไข้สูง 39 องศาฯ เหมือนน้องจะไม่ไหวแล้ว คุณแม่และคุณพ่อก็เลยเดินทางมายังโรงพยาบาลทันที เมื่อมาถึงหัวใจก็แทบแตกสลายเพราะน้องโมจิแทบจะไม่ตอบสนองแล้ว ตาลอยความดันต่ำ แต่คุณหมอบอกว่ามันมีทางช่วยให้น้องดีขึ้นคือการผ่าตัดเพื่อล้างไต แต่เมื่อพ้นวิกฤติตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าน้องจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ หรือน้องจะรับตรงนั้นได้ไหม ซึ่งทำให้คุณแม่เมียมตัดสินใจว่าจะปล่อยน้องไปอย่างสงบ

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

            "ถ้าลูกไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องปล่อยลูกไป เขาเจ็บมาเยอะเหลือเกิน เราปรึกษากันถึงข้อดีข้อเสีย ถ้าผ่าตัดแล้วลูกกลับมา ในสภาพไหนพ่อกับแม่ก็เลี้ยงได้ แต่ลูกก็จะทุกข์ จะเข้าไอซียูอีกไม่รู้กี่ครั้ง เลยไม่อยากเห็นแก่ตัวอีก เขาเจ็บกว่าเรามาก จะรั้งเขาไว้ก็ไม่ดี... พอตกลงกันว่าจะปล่อยน้องโมจิไปก็เลยไปขอพยาบาลอุ้ม ไปกอดเขาลูบหัว บอกเขาว่าไปให้สบายนะลูก แล้วถ้าชาติหน้ามีจริงกลับมาเกิดเป็นลูกแม่ใหม่ ระหว่างที่ลูบหัวน้องไปบางครั้งก็เหมือนชีพจรก็จะขึ้นเด้งกลับมาอีก ก็เลยลูบหัวลูกบอกว่าลูกไม่ต้องห่วงว่าพ่อแม่จะเสียใจนะ ไปสบายเถอะลูก หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที ชีพจรของลูกก็แผ่วลงเรื่อย ๆ และค่อย ๆ จากไปคาอ้อมกอดของตน"

น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด

            ส่วนคุณพ่อของน้องโมจิ กล่าวว่า ตนอยากจะขอบคุณคุณหมอทุกท่านที่ให้การช่วยเหลือน้องโมจิมาตลอด ไม่อยากให้หมอเครียดหรือเสียใจที่ช่วยชีวิตน้องไม่ได้ เพราะตนเห็นว่าทุกคนช่วยเหลืออย่างดีที่สุด ส่วนที่ตนไปหาหลาย ๆ ที่นั้น ก็เป็นเพียงความหวังทางใจของพวกตนเท่านั้น ไม่อยากให้คุณหมอทุกท่านคิดมาก

            อย่างไรก็ดี กระปุกดอทคอมของแสดงความเสียใจกับการจากไปของน้องโมจิ และขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของน้องโมจิด้วยนะคะ






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้องโมจิ เสียชีวิต แม่เมียม เผยวินาทีที่สูญเสียลูกน้อยคาอ้อมกอด อัปเดตล่าสุด 23 สิงหาคม 2556 เวลา 17:37:21 102,529 อ่าน
TOP