เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก บริษัท สำนักกฎหมาย แสงนิติ จำกัด
ภาษีคนโสด เผยไทยเคยมีการเก็บภาษีชายโสด เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อกระตุ้นให้คนไทยมีลูก ก่อนที่จะยกเลิกไป
จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 นายเทอดศักดิ์ ชมโต๊ะสุวรรณ เลขานุการคณะเศรษฐศาสตร์ และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและนโยบายการรองรับในสองทศวรรษหน้าว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน โครงสร้างประชากรไม่สมดุล ซึ่งทางแก้ไขคือ ภาครัฐควรออกนโยบายสนับสนุนให้คนไทยมีลูกเพิ่มขึ้น และควรเรียกเก็บภาษีคนโสด ภาษีคนไม่มีลูก กระตุ้นให้มีครอบครัวเพื่อลดภาระงบประมาณ การใช้สวัสดิการดูแลของภาครัฐในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้อาจจะมีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา กับแนวคิดนี้ แต่สำหรับแนวคิดเกี่ยวกับภาษีคนโสด แนวคิดของ นายเทิดศักดิ์ นี่อาจไม่ใช่แนวคิดแรกที่มีการเสนอเรื่องนี้ และก่อนนี้ ประเทศไทยเราก็เคยเก็บภาษีชายโสดมาแล้ว
สำหรับภาษีชายโสด (พาสีชายโสด) ที่ไทยเคยเก็บนั้น อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีลูก และเพิ่มจำนวนประชากร โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติภาษีชายโสด พ.ศ. 2487 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2487
โดยเนื้อหามีการระบุว่า ชายไทยที่ไม่มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอายุตั้งแต่ 25 ปีบริบูรณ์แต่ไม่เกิน 45 ปีบริบูรณ์ที่มีรายได้ตั้งแต่ปีละ 960 บาท ให้เสียภาษีเพราะยังเป็นชายโสดปีละ 5 บาท หรือร้อยละ 10 ของภาษีที่ต้องเสียแล้วแต่อัตราใดจะมากกว่ากัน แต่ข้อกฎหมายดังกล่าวมีข้อยกเว้น คือ ถ้าชายโสดสามารถแสดงหลักฐานได้ว่า ตลอดปีภาษีที่ล่วงมา เป็นพระภิกษุ หรือมีลูกที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือติดคุกอยู่ในเรือนจำ หรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือทำการสมรสไม่ได้โดยมีอวัยวะสืบพันธุ์ไม่สมบูรณ์ หรือเป็นคนวิกลจริต หรือรับราชการทหารกองประจำการ หรือตำรวจตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการ
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2488 การจัดเก็บภาษีดังกล่าวก็มีอันยกเลิกไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก