x close

ศศิน เฉลิมลาภ นำทัพค้านสร้างเขื่อนแม่วงก์ ชี้ทำลายธรรมชาติ


เขื่อนแม่วงก์






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก prd.go.th, เฟซบุ๊ก Seub Nakhasathien Foundation, เฟซบุ๊ก Sasin Chalermlarp

          กลุ่มอนุรักษ์ ออกแถลงการณ์คัดค้านสร้างเขื่อนแม่วงก์ 3.5 แสนล้าน ชี้เร่งรัดจัดทำโครงการเกินเหตุ ยังไม่ศึกษาข้อมูลและผลกระทบอย่างเพียงพอ ระบุ ชาวบ้านได้รับประโยชน์ไม่คุ้มค่า และไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำที่ท่วมในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมได้ทั้งหมด

           กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองไม่น้อย สำหรับการคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ที่ จ.นครสวรรค์ โดยกลุ่มผู้อนุรักษ์ยังคงเดินหน้าการคัดค้านอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเห็นว่าการสร้างเขื่อนดังกล่าวไม่คุ้มกับพื้นป่าและระบบนิเวศที่จะต้องสูญเสียไปนั้น

           ล่าสุด วันนี้ (9 กันยายน 2556) มีรายงานว่า นายรตยา จันทรเทียร ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พร้อม นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ร่วมกับเครือข่ายองค์กรด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเดินเท้าจากกรุงเทพฯ สู่แม่วงก์ โดยจะผ่านเส้นทาง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่างทอง จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท จ.อุทัยธานี จ.นครสวรรค์ กำหนดเข้าสู่หน่วยพิทักษ์ป่าแม่เรวา อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ในวันที่ 22 กันยายน 2556 สำหรับการเดินรณรงค์ดังกล่าวในระยะเวลา 14 วัน โดยกลุ่มอนุรักษ์จะมีเวทีนำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องนโยบายกับชาวบ้านในพื้นที่

          ทั้งนี้ ในเวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา นายศศิน ได้เดินทางไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อยื่นแถลงการณ์ให้กับ นายสันติ บุญประคับ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ถึงสาเหตุที่คัดค้านการสร้างโครงการดังกล่าว โดยระบุข้อความดังนี้...


แถลงการณ์คัดค้าน EHIA เขื่อนแม่วงก์


            แถลงการณ์คัดค้านการอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ โครงการเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยองค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

            1. รายงานฉบับนี้ไม่ได้ให้ความจริงใจในการศึกษาทางเลือกในการพัฒนาแหล่งน้ำโดยวิธีอื่น ๆ โดยใช้วิธีคำนวณเทคนิคทางเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมให้ไม่คุ้มค่าในการเลือกทางเลือกอื่น ๆ หรือ เทคนิคกำหนดตัวแปรที่เบี่ยงเบนน้ำหนักของการเลือกที่ตั้ง ให้มาก่อสร้างในป่าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์

            2. รายงานฉบับนี้ละเลยข้อมูลความสำคัญของพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ที่ต่อเนื่องกับพื้นที่มรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่เป็นป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์ไม่มีการรบกวนระบบนิเวศสัตว์ป่าโดยที่ตั้งของชุมชน ดังมีรายงานข้อมูลสำรวจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการกระจายตัวของเสือโคร่ง ทั้งจากรายงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทยและกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ประเทศไทย

            3. รายงานฉบับนี้ได้ระบุข้อมูลผลประโยชน์จากการสร้างเขื่อนว่า ในพื้นที่ชลประทานทั้งหมด 291,900 ไร่ จะเป็นพื้นที่ชลประทานในฤดูฝนถึง 175,355 ไร่ จึงได้พื้นที่ชลประทานฤดูแล้งเพียง 116,545 ไร่ ดังนั้น พื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จึงน้อยกว่าสิ่งที่ชาวบ้านเข้าใจว่าน้ำจะไปทั่งถึงทั้ง 23 ตำบล ที่ได้ระบุในรายงาน หากพิจารณาเหตุผลที่ต้องสูญเสียพื้นที่ป่า และงบประมาณในการก่อสร้าง

            4. รายงานฉบับนี้ระบุชัดเจนว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำที่ท่วมในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมได้ทั้งหมด และยังไม่ได้วิเคราะห์ข้อมูลน้ำที่ไหลบ่าจากพื้นที่เกษตรกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากป่าไม้ในพื้นที่นอกอุทยาน ซึ่งคาดว่าจะมีน้ำมากถึง 70-80% ที่ไหลลงมายังที่ราบอำเภอลาดยาว ดังนั้น ถึงสร้างเขื่อนแม่วงก์ก็สามารถบรรเทาอุทกภัยได้ไม่มากนักในพื้นที่โครงการ โดยไม่ต้องสงสัยว่าโครงการเขื่อนแม่วงก์จะมีผลต่อการบรรเทาน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตามงบประมาณสร้างเขื่อนตามโมดูล A1 ที่มากับโครงการเงินกู้จัดการน้ำ 3.5 แสนล้านของรัฐบาลได้เพียงไม่ถึง 1 % ของน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

            5. ในการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่มีมาตรการที่แน่ใจได้เลยว่าจะได้ผล ได้แก่ การปลูกป่าทดแทนที่ไม่มีการระบุพื้นที่ปลูกป่าว่าอยู่ในบริเวณใด มีแต่การคำนวณว่าจะได้ไม้และผลประโยชน์มากกว่าที่จะตัดไป ทั้งที่ความจริงแล้วพื้นที่นอกอุทยานแห่งชาติแม่วงก์เกือบจะมีแต่พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านมิได้มีพื้นที่ใดสามารถปลูกป่าได้ถึง  36,000 ไร่ ตามที่ระบุได้ หรือมาตรการลดผลกระทบจากการล่าสัตว์ ตัดไม้เกินพื้นที่ ในระหว่างการก่อสร้างก็เป็นเพียงมาตรการทั่ว ๆ ไปให้เจ้าหน้าที่ดูแลเคร่งครัด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในขณะก่อสร้างจะไม่สามารถควบคุมการล่าสัตว์ที่จะไปถึงพื้นที่อื่น ๆ รวมถึงห้วยขาแข้ง ได้

            6. ในการพิจารณารายงานของคณะกรรมการผู้ชำนาญการในการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อปลายปี 2555 มีมติให้แก้ไขรายงาน และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหลายประเด็น โดยเฉพาะการศึกษาเรื่องระบบนิเวศของสัตว์ป่า ซึ่งโดยหลักการแล้วต้องใช้เวลาในการศึกษาพอสมควร เป็นไปไม่ได้ที่จะศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ผลกระทบเพิ่มเติมแล้วเสร็จได้ภายในกรอบระยะเวลา 1 ปี

            7. พื้นที่ชลประทานเขื่อนแม่วงก์ เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับคลองผันน้ำในโมดูล A5 ซึ่งจะทำให้สภาพแวดล้อมและการจัดการน้ำที่ศึกษาไว้ทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปจากโครงการชลประทานเขื่อนแม่วงก์

            8. ในการพิจารณารายงานฉบับนี้ รัฐบาลปรับเปลี่ยนบุคลากรของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการอย่างน่าสงสัย ตั้งแต่ต้นปี 2556 ได้แก่ การโยกย้ายตำแหน่งของเลขาธิการอย่าง ดร.วิจารณ์ สิมะฉายา ซึ่งมีชื่อเสียงการยอมรับในการทำงานวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี มาเป็นนายสันติ บุญประคับ ซึ่งมีภูมิหลังทำงานด้านพัฒนาจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และปรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการผู้ชำนาญการรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ



            ด้านพัฒนาแหล่งน้ำ จาก ดร.สันทัด สมชีวิตา ผู้ทรงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอกในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในการทำงานด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มาเป็นข้าราชการประจำอย่างตัวเลขาธิการ สผ.เอง คือ นายสันติ บุญประคับ ซึ่งอาจจะสงสัยได้ว่าต้องเร่งรัดทำงานตามนโยบายที่ได้รับมาจากโครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน เนื่องจากในขณะนั้น รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านสิ่งแวดล้อมนี้คือ ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้รับผิดชอบโครงการจัดการน้ำเช่นกัน

            นอกจากนี้ยังทราบว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลในคณะกรรมการผู้ชำนาญการที่มีความเห็นทางวิชาการต่อความบกพร่องของรายงาน อาทิ ดร. อุทิศ กุฏอินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศป่าไม้ นายสมศักดิ์ โพธิ์สัตย์ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านธรณีวิทยา รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์ประกอบให้ไม่มีผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม และผู้แทนประจำของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

            ดังนั้น การเร่งรัดผ่านรายงานโครงการเขื่อนแม่วงก์ในครั้งนี้ จึงมีความผิดปกติอย่างยิ่งต่อมาตรฐานทางวิชาการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงขอยื่นแถลงการณ์ฉบับนี้ต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ด้านพัฒนาแหล่งน้ำและเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันที่ 9 กันยายน 2556 ณ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม



          รายชื่อองค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

          - มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

          - มูลนิธิโลกสีเขียว

          - สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า(WCS)ประเทศไทย
 
          - สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

          - มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ

          - กลุ่ม กคอทส.

          - คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมภาคเหนือตอนล่าง

          - มูลนิธิสถาบันปฏิปัน

          - เครือข่ายป่าชุมชน จังหวัดนครสวรรค์

          - เครือข่ายชุมชนคนรักษ์ป่าเขาแม่กระทู้

          - กลุ่มใบไม้

          - กลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม

          - ศูนย์ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย Thaiflood.com

          - กลุ่มเสรีนนทรี

          - กลุ่ม Big Tree

          - กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล(WWF)ประเทศไทย

          - สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย

          - มูลนิธิคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก

          - มูลนิธิกลุ่มศิลปินรักผืนป่าตะวันตก

          - กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมพยุหะ

          - มูลนิธิเครือข่ายอนุรักษ์ป่าตะวันตก

          - มูลนิธิสืบศักดิ์สินแผ่นดินสี่แคว

          - เครือข่ายป่าชุมชนขอบป่าตะวันตก จ.กำแพงเพชร

          - มูลนิธิบัณฑิตอาสาสมัคร

          - มูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ

          - เครือข่ายเยาวชนต้นกล้าน้อย

          - กลุ่มรักษ์ป่า

          - กลุ่มแนวร่วมนิสิต นักศึกษา รักธรรมชาติ(นนรธ.)


            อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้โพสต์ข้อความใน  เฟซบุ๊ก Sasin Chalermlarp เกี่ยวกับการคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยระบุข้อความว่า...

            "เราพยายามหาข้อมูลต่าง ๆ ให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่า จะเกิดผลกระทบอะไร แต่โครงการมันก็ผ่านไปเรื่อย ๆ ผมใช้สมองไปหมดแล้วต่อไปต้องใช้เท้าบ้าง ผมจะให้ข้อมูลชุดนี้แก่ชาวลาดยาว ขอชวนทุกคนไปดูพื้นที่ขนาดใหญ่ ชวนไปดูแม่น้ำสะแกกรัง ไปดูว่าเขื่อนที่จะทำให้น้ำลดของรัฐบาลเป็นอย่างไร ถ้าเขื่อนแม่วงก์ถูกสร้าง อีกกว่า 23 เขื่อน ก็คงจะไม่เหลือ ป่าจะถูกทำลาย แม่วงก์จะเป็นโดมิโน่ตัวแรกที่จะทำลายป่าอุทยาน...

 
            ดังนั้น ผมจะเดินเรื่อย ๆ ออกจากแม่วงก์มาหอศิลป์ ผมไม่เคยเดิน 40 กิโลเมตรต่อวัน ผมอายุ 45 ปีแล้ว ผมอยากให้สาธารณะชนรับรู้ว่า ประเทศเรายังมีป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่


วันจันทร์ที่ 09 / 09 / 2013 10.09 น.
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
"





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ศศิน เฉลิมลาภ นำทัพค้านสร้างเขื่อนแม่วงก์ ชี้ทำลายธรรมชาติ อัปเดตล่าสุด 23 กันยายน 2556 เวลา 10:29:01 14,620 อ่าน
TOP