เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
สหประชาชาติ ยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวของ อโนชา ปันจ้อย หรือ หญิงไทยที่ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไป เผยมีหลักฐานชัดเจนในคดีนี้ ด้านครอบครัวยังเปี่ยมด้วยความหวังจะได้ อโนชา ปันจ้อย กลับคืน
วันที่ 19 กันยายน 2556 เว็บไซต์วอยซ์ออฟอเมริกา มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้เข้าพบกับครอบครัวของ อโนชา ปันจ้อย หญิงไทยที่หายตัวไป โดยมีการอ้างว่าเธอถูกสายลับชาวเกาหลีเหนือลักพาตัวไปขณะกำลังทำงานในมาเก๊าเมื่อปี 2521 ซึ่งแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่ครอบครัวก็ยังมีความหวังว่าเธอจะได้กลับมาบ้านอีกครั้ง
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้ว แต่คดีของ อโนชา ปันจ้อย ก็ยังแทบจะไม่ได้รับความสนใจสักเท่าไร ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอเอง จนกระทั่งในปี 2548 หลังจากที่ชาล์ลส์ โรเบิร์ต เจนกินส์ ทหารสหรัฐฯ ซึ่งละทิ้งหน้าที่ประจำการที่เขตปลอดทหารในปี 2508 มาใช้ชีวิตในเกาหลีเหนือ ได้เขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งหลังจากเดินทางออกมาจากเกาหลีเหนือ โดยอ้างว่าเขารู้จักกับหญิงไทยคนนี้เป็นอย่างดี ทั้งยังบอกว่า อโนชา เคยแต่งงานกับชาวต่างชาติในเกาหลีเหนือ 2 ครั้ง หลังจากที่เธอถูกลักพาตัวระหว่างประกอบอาชีพหมอนวดที่มาเก๊า เพื่อให้มาแต่งงานกับคนต่างชาติในเกาหลีเหนือ และมีหน้าที่คอยสอนภาษาไทยให้สายลับของประเทศ
ด้าน นายสุคำ ปันจ้อย น้องชาย และนายบรรจง ปันจ้อย หลานของอโนชา ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือของสหประชาชาติ พร้อมเผยว่า การหารือครั้งนี้ทำให้พวกเขามีกำลังใจมากขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมาธิการบอกว่ามีหลักฐานชัดเจนซึ่งชี้ว่า อโนชาถูกลักพาตัวไป และคดีของเธอก็จะเป็นส่วนหนึ่งในรายงานที่เตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในเดือนมีนาคม 2557 นี้ด้วย และก็หวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะได้ อโนชา กลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัวอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ครอบครัวของอโนชา ได้เคยทำหนังสือถึงผู้นำเกาหลีเหนือเพื่อร้องขอให้ปล่อยตัวเธอ ซึ่งคงจะมีอายุได้ 59 ปี แล้วหากยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา กระทรวงการต่างประเทศของไทยก็ได้ร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับอโนชาจากผู้แทนทูตเกาหลีเหนือซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างการเจรจาทวิภาคีระดับสูง ขณะที่เกาหลีเหนือก็ยังคงยืนกรานว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยอยู่ในประเทศของพวกเขา
ด้านนายบรรจงได้เผยถึงความไม่พอใจต่อแนวทางการจัดการคดีนี้ของไทย โดยระบุว่ารัฐบาลไทยแทบจะไม่ให้ความสนใจต่อปัญหาของพวกเขา แถมยังดูเหมือนจะไม่เชื่อด้วยว่าอโนชาถูกลักพาตัวไปเกาหลีเหนือจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศรายหนึ่งเผยว่า พวกเขาได้ดำเนินการกับกรณีการหายตัวไปของอโนชา เช่นเดียวกับบุคคลสูญหายทั่ว ๆไป เนื่องจากไม่มีหลักฐานพยานอื่น ๆ มาสนับสนุน นอกจากหนังสือของนายเจนกินส์ และภาพถ่ายของผู้หญิงชาวเอเชียที่นั่งอยู่ข้างหลังนายเจนกินส์ ภรรยาและลูก ๆ บนชายหาดแห่งหนึ่ง เท่านั้น แม้ว่าทางครอบครัวและเพื่อน ๆ ของอโนชาจะยืนยันว่า ผู้หญิงในรูปถ่ายนั้นคืออโนชาอย่างแน่นอน
