เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
เสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ แม่อดีตนักแสดง ไหม วิสา สารสาส ควง ตุ๋ย มนฤดี แจ้งตำรวจ หลังถูก ชินเวศ สารสาส สามี ปลอมลายเซ็นโอนทรัพย์กว่าพันล้าน อีกทั้งยังโดนข่มขู่เอาชีวิต
เมื่อวานนี้ (24 กันยายน 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ คุณแม่อดีตนักแสดง ไหม วิสา สารสาส และนางสาวมนฤดี ยมาภัย อดีตนางเอกชื่อดัง พร้อมด้วยทนายความ แถลงข่าวถึงกรณีที่ นางเสาวณีย์ ดำเนินการฟ้องร้อง นายชินเวศ สารสาส สามี
โดยนางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ เล่าว่า ตนกับนายชินเวศ สารสาส สามีแยกกันอยู่เป็นเวลากว่า 20 ปี และคิดว่าจะหย่าร้างอย่างจริงจัง จึงดำเนินการฟ้องหย่าเมื่อ 2553 แต่ทางสามีไม่ยินยอม อีกทั้งไม่เคยเดินทางมาไกล่เกลี่ยที่ศาลเลย ต่อมาตนได้ไปตรวจสอบทรัพย์สินของตนเพื่อดำเนินการแบ่งสินสมรส พบว่าทรัพย์สินบางรายที่ไม่ใช่สินสมรส แต่เป็นของตนเอง ถูกสามีโอนไปให้ลูก เช่น ที่ดินเกาะยาวน้อย จ.พังงา ที่ดินแม่แตง จ.เชียงใหม่ และที่ดินในเขตประเวศ กทม.
นอกจากนี้ นายชินเวศยังได้ปลอมลายเซ็นเพื่อไปกู้เงินที่ธนาคารเป็นวงเงินจำนวน 1,400 ล้านบาท ตนจึงดำเนินการฟ้องร้องทางคดีอาญา โดยแจ้งความไปแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 และแจ้งความอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2556 หลังจากนั้นตนได้ให้ทนายรวบรวมหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับลายเซ็นจริงและปลอม ส่งให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อเทียบเคียง แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่ได้มีหน้าที่แยกเอกสารลายเซ็นจริงหรือปลอม ผลพิสูจน์จึงออกมาว่าไม่สามารถพิสูจน์ลายเซ็นดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ตนมาทราบภายหลังว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งเป็นคนสั่งการขัดขวางการพิสูจน์ดังกล่าว ทนายของตนเลยนำลายเซ็นไปพิสูจน์อีกครั้งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งปรากฏว่าลายเซ็นที่เซ็นในเอกสารกู้ยืมไม่ใช่เป็นลายเซ็นปลอม
สำหรับกรณีที่ดำเนินการฟ้องทางอาญานั้น นางเสาวณีย์กล่าวว่า เป็นเพราะตน ทนาย และมนฤดี ถูกข่มขู่และคุกคามสารพัด ไม่ว่าจะเป็นถูกแอบเจาะยางรถยนต์ของตน บางครั้งก็ส่งลูกน้องมาบุกที่วัดในเวลากลางดึกคอยติดตามและสังเกตการณ์ ขณะที่ตนกับมนฤดีกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ หรือแม้กระทั่งส่งคนมาคอยดูที่หน้าคอนโดฯ
นางเสาวณีย์ กล่าวต่อว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางศาลได้แนะนำให้เจรจากันเอง เพราะเป็นเรื่องในครอบครัว แต่ตนได้พูดคุยกับลูกทั้ง 3 คน แล้ว ลูกกลับแสดงท่าทีเฉย ๆ พร้อมบอกว่าพ่อไม่ให้พูดเรื่องนี้ ซึ่งตนก็รู้สึกว่าทำไมลูก ๆ ถึงไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรหรือต่อสู้เพื่อแม่บ้าง ตนจึงอยากจะขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ และอยากให้สื่อมวลชนทราบว่าตนถูกรังแก นอกจากนี้ อยากให้นายชินเวศออกมาเจรจาหรือพูดคุยกับตนบ้าง เพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องราวให้จบลงด้วยดี
ส่วนทางด้าน มนฤดี ยมาภัย เผยว่า ตนรู้จักกับเสาวณีย์ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งพวกตนได้ร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกัน จึงสนิทกัน ซึ่งในกรณีดังกล่าวดูเหมือนตนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ระยะหลังตนถูกคนตามเฝ้าที่คอนโดฯ โดนเจาะยางรถ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนมาก่อน เกรงว่าอาจจะได้รับอันตรายเหมือนกัน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.หัวหมาก เพื่อป้องกันเหตุร้าย ทั้งนี้ ตนอยากจะบอกว่า ชีวิตของนาวเสาวณีย์นั้นน่าสงสารเป็นอย่างมาก หากเทียบกับละครน้ำเน่าที่ตนแสดงมา ยังไม่เท่ากับชีวิตจริงของนางเสาวณีย์เลย
อย่างไรก็ดี ขณะที่นางเสาวณีย์และมนฤดีกำลังแจ้งความ ก็มีผู้ชายสวมเสื้อสีดำขับรถตู้มาจอดและนำเอกสารมาแจกกับสื่อมวลชน ซึ่งในเอกสารดังกล่าว ระบุว่า นายชินเวศไม่ขอตอบเรื่องปลอมลายมือชื่อ เนื่องจากเห็นแก่ความรู้สึกของลูก ส่วนคดีอื่น ๆ ขอให้เป็นหน้าที่ของศาล และเรื่องกู้เงิน 1,400 ล้านบาท ก็ขอให้ไปสอบถามทางธนาคารทหารไทย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทางธนาคารด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
