สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
สบอช. แจง หากอีไอเอไม่ผ่าน อาจไม่สร้างเขื่อนแม่วงก์ก็ได้ ยันรัฐบาลไม่ต้องการสร้างเขื่อน แต่อยากแก้น้ำท่วม เล็งเชิญ ศศิน เฉลิมลาภ ถกเขื่อนแม่วงก์ สัปดาห์หน้า ขณะที่โพลชี้คนพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่เอาเขื่อน
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2556 นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการสร้างเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ว่ายังอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีไอเอ) จากสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งหากรายงานดังกล่าวไม่ผ่าน ก็ไม่ต้องสร้างเขื่อนแม่วงก์ และไม่ได้หมายความว่ารายงานดังกล่าวไม่สมบูรณ์ แต่กระบวนการขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ รายงานอาจต้องได้รับการแก้ไขอีกครั้ง
"หาก สผ.พิจารณาแล้วรายงานไม่ผ่าน และเห็นว่าโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ไม่มีความเหมาะสม ก็อาจไม่มีการสร้างเขื่อนแม่วงก์ได้ และใช้เครื่องมืออื่นแทน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ต้องการสร้างเขื่อน แต่อยากแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง เขื่อนเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น" นายสุพจน์ กล่าว
นายสุพจน์ กล่าวด้วยว่า การวิเคราะห์ทางวิชาการการสร้างเขื่อนแม่วงก์จะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้โดยจะตัดยอดน้ำจาก 1,042 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือ 490 ต่อลูกบาศก์เมตร และแก้ไขปัญหาน้ำแล้งได้อีกด้วย ขณะที่ผลกระทบต่าง ๆ ได้มีการศึกษาไว้แล้ว เช่น พื้นที่ป่า 12,300 ไร่ คิดเป็น 2.2% ของลุ่มน้ำทั้งหมด ก็จะปลูกป่าชดเชยเป็น 3 เท่า หรือ 36,000 ไร่ ส่วนอาคารต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานจะเปลี่ยนพื้นที่และจะแก้ไขชดเชยที่ดินและทรัพย์สิน 15,742 ไร่ ยืนยันว่ามีการศึกษาก่อนการก่อสร้างในทุกมิติ ด้วยหลักการและเหตุผลอย่างชัดเจน และส่วนตัวเชื่อว่ารายงานจะสามารถผ่านการพิจารณาของ สผ.
"ในสัปดาห์หน้าจะเชิญนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และคณะมาพูดคุย เพื่อรับฟังข้อห่วงใยต่าง ๆ และจะอธิบายในส่วนข้อกังวลที่ได้มีการศึกษามาแล้ว และจะนำข้อเสนอที่รัฐบาลไม่เคยศึกษามาก่อนไปพิจารณาต่อไป" นายสุพจน์ ระบุ
วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน 17 จังหวัด 1,253 ตัวอย่าง เรื่องการสร้างเขื่อนแม่วงก์ พบว่า 46.13% เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน, 37.19% ไม่เห็นด้วย และ 16.68% ไม่แน่ใจ แต่ประชาชนในพื้นที่ จ.นครสวรรค์และอุทัยธานี 42.6% ระบุไม่เห็นด้วย ส่วน 41.52% เห็นด้วย
เมื่อถามถึงสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการต่อไปกรณีมีกลุ่มคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ พบว่า ประชาชนในภาพรวม 17 จังหวัด ส่วนใหญ่ 78.93% ระบุว่าควรเปิดเวทีสาธารณะแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี, 8.38% ระบุว่าควรระงับโครงการทั้งหมด, 7.42% ระบุว่าควรดำเนินโครงการต่อโดยไม่จำเป็นต้องฟังเสียงคัดค้าน และ 0.88% ควรทำประชาพิจารณ์
ส่วนประชาชนใน จ.นครสวรรค์และอุทัยธานี 76.53% ชี้ว่าควรเปิดเวทีสาธารณะ, 10.83% ควรระงับโครงการ, 8.3% ควรดำเนินโครงการต่อไป และ 0.36% ควรทำประชาพิจารณ์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
