เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
สุเทพ ยันจะชุมนุมทุกวันทุกคืนจนกว่าชนะ ลั่นมึงกับกูตายกันไปข้างหนึ่ง บอกเทหมดหน้าตักและรับปากจะต่อสู้กับประชาชนจนกว่ารัฐบาลจะถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ชี้ประเทศไทยเป็นของเราไม่ใช่ของตระกูลชินวัตร
วันนี้ (1 พฤศจิกายน 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณทางรถไฟสามเสน ได้เดินทางมาชุมนุมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน (31 ตุลาคม) เพื่อแสดงจุดยืนในการปักหลักชุมนุมต้านนิรโทษกรรมสุดซอย และจะปักหลักชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกจากการพิจารณาของสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนเวทีปราศรัยนั้นมีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นปราศรัยด้วยกันหลายคน นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ได้กล่าวบนเวทีต้านนิรโทษกรรมว่า จะเดินหน้าชุมนุมให้ถึงที่สุด และการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นการต่อสู้ของประชาชนที่เน้นการต่อสู้แบบสันติและไม่มีความรุนแรง
นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังกล่าวอีกว่า ถ้าไม่ชนะก็ไม่เลิก จะสู้ด้วยชีวิตเทหมดหน้าตัก ต่อสู้เคียงข้างประชาชนทุกคืนทุกวันจนกว่าจะชนะ และขอให้ประชาชนทั่วประเทศลุกขึ้นมาต่อสู้ โดยระบุในตอนหนึ่งว่า.. "มึงกับกูตายกันไปข้างหนึ่ง และขอให้ประชาชนอย่าทำตัวเป็นไทยเฉยอีกต่อไป ออกมาเถอะพี่น้องครับ ประเทศไทยนี้เป็นของพี่น้องคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของตระกูลชินวัตร"
นายสุเทพ ยังกล่าวอีกว่า ขอเสนอทางเลือกให้รัฐบาล 2 ทาง คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องถอนร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวออกและจะยุติการชุมนุมทันที แต่ถ้าไม่ยอมถอนออกก็จะต่อสู้ด้วยชีวิต และจะสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ ส่วนประชาชนคนไทยถ้าสะดวกชุมนุมที่ไหนก็ขอให้ชุมนุมบริเวณนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นสวนลุมพินี สี่แยกอุรุพงษ์ และหากการชุมนุมในครั้งนี้ มีประชาชนได้รับบาดเจ็บเพียงคนเดียว คนในครอบครัวของคณะรัฐมนตรีจะไม่ได้รับความปลอดภัย
ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวนิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า การชุมนุมในครั้งนี้ เป็นการชุมนุมภาคประชาชนที่เห็นตรงกันคือต้องการต่อต้านรัฐบาล และต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเฉพาะเรื่องการแปรญัตติ พ.ร.บ.นิรโทษฯ รวมกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้
ส่วนทางด้าน ภาคประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมได้แสดงความคิดเห็นและแสดงจุดยืนในการเข้าร่วมชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยมองว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่เป็นธรรม ซึ่งหากรัฐบาลผลักดันได้สำเร็จ ในอนาคตก็จะมีกลุ่มคนออกมาต่อต้านเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ประเทศไทยก็จะกลายเป็นประเทศที่ยังวนเวียนอยู่กับการชุมนุมไม่มีที่สิ้นสุด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
