เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra
พานทองแท้ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊ก เปรียบวีถีการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เป็นระบอบไก่ชน ปั่นหัวชาวบ้าน ก่อนสร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อหวังรับบทฮีโร่ช่วยชาติบ้านเมือง โดยไม่สนความสูญเสียที่เกิดขึ้น
สืบเนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทยขณะนี้ ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และคนในพรรคประธิปัตย์ได้ออกมามีบทบาทเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมที่หวังขับไล่รัฐบาล โดยยังไม่มีท่าทีว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงอย่างที่หลายฝ่ายหวังไว้ ล่าสุด เมื่อวานนี้ (1 ธันวาคม 2556) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความวิเคราะห์ต้นตอความขัดแย้งทางการเมือง ผ่านเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra โดยระบุข้อความ ดังนี้...
การเมือง"ระบอบไก่ชน"
ของ "ฟาร์มไก่ชน เทือกสุบรรณ"
นำเสนอโดย "พรรคฯ ประชาธิปัตย์"
แด่ "คนไทยทั้งชาติ"
ใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง แล้วครับพี่น้อง..!!
"ไก่" ซึ่งตามปกติจะคุ้ยเขี่ยจิกดินหากินกัน แบบสามัคคีตามธรรมชาติ ถูก "ฟาร์มไก่ชน เทือกสุบรรณ" จับมาฝึกให้ต่อสู้จนชำนาญ เมื่อถึงเวลาเดทไลน์ที่กำหนด ไก่ชนทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะถูกนำมาเจอกัน ในสังเวียนที่ไม่มีทางออก ถูกสร้างสถานการณ์ บังคับให้ต้องเผชิญหน้า เพื่อจะได้ ชน-จิก-ตี-เตะ-กัดกันเอง ส่วนเจ้าของก็เพียงแต่ถือไมค์เชียร์ คอยให้น้ำ และวางเดิมพัน เท่านั้น
ทั้งเจ้าเหลืองรักชาติ และเจ้าแดงรักประชาธิปไตย ต่างก็เป็นไก่ชนสายเลือดเดียวกัน ถูกเลี้ยงให้เติบโตมาจากข้าวเปลือกถุงเดียวกัน เมื่อถูกบังคับให้ต้องชนกันเอง ย่อมเสียเลือดเนื้อบาดเจ็บด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายครับ เมื่อหมดเวลา กรรมการออกมายกมือให้กับฝ่ายไหนชนะ เจ้าของค่ายนั้นก็จะเดินยิ้มดีใจ "อุ้มไก่ชนะ" ออกไปรับเดิมพันสูงลิบลิ่ว ท่ามกลางเสียงตบมือของกองเชียร์ ส่วนไก่ชนที่บาดเจ็บก็ถูกปล่อยให้จิกดินหากิน เยียวยารักษาตัวเองตามธรรมชาติต่อไป
คนไทยซึ่งทำมาหากิน เลี้ยงชีพอย่างสุจริต ถูกสั่งให้หยุดงาน โดนพูดกรอกหูให้ออกมาต่อสู้กับสิ่งที่เป็นนามธรรม สั่งให้ไปยึดสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นกลไกในการบริหารประเทศให้ทำงานไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็ดง่อย โดยแอบอ้างว่า ต้องสู้เพื่อสถาบันทั้ง 3 อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย แอบอ้างสร้างเงื่อนไข ให้ต้องเผชิญหน้ากันอยู่ในที่เวทีที่กำหนด เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมก็ "กดปุ่มสร้างสถานการณ์" ให้เผอิญมีเหตุ "น้ำผึ้งหยดเดียว" จากมือที่ 3 หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ทั้ง 2 ฝ่ายห้ำหั่นกันเอง จนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
ถ้าคนไทยรบกับข้าศึก แค่นี้เรื่องเล็กครับ มาเยอะกว่านี้เป็นร้อยเท่า ก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเราคนไทยไปได้ แต่สุเทพฯ เล่นเอาชีวิตคนไทยด้วยกันเองเป็นเดิมพันแบบนี้ ฝ่ายที่ต้องการความสงบ ย่อมเสียเปรียบผู้ที่ต้องการผลการรบแบบแตกหักย่อยยับครับ คนไทยเสียชีวิตและเลือดเนื้อมากเท่าไหร่ "ฟาร์มไก่ชนเทือกสุบรรณ" ก็ได้รับชัยชนะมากเท่านั้น
เราจะปล่อยให้นักการเมือง เอาชนะกันนอกสนามเลือกตั้ง บนการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อ ของพี่น้องประชาชนคนไทย เพียงแต่เปลี่ยนจากคำว่า จำลอง..เป็นสุเทพฯ พาคนไปตาย..!! แทนที่จะใช้วิถีทางประชาธิปไตย โดยผ่านการเลือกตั้ง 4 ปีมีครั้ง เช่นเดียวกับประเทศที่เจริญแล้วทั่วไปเขาทำกัน แบบนี้ต่อไปอีกกี่ครั้ง..??
-----------------------
ปัญหาที่คนไทยต้องขบคิดกันก็คือ ในเมื่อผลแพ้ชนะของ "ระบอบไก่ชน" อยู่ที่การสูญเสียแตกหัก ถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ หยั่งรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร ว่าวันไหนคือวันแตกหัก และตัวเองจะได้รับชัยชนะ ถ้าไม่ได้มีการ "จัดตั้ง เตรียมการใหญ่" เตี๊ยมการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อไว้ล่วงหน้า ถ้าคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดินจริง ๆ ยังคิดไม่ออก รู้ไม่ทัน หาวิธีป้องกันกันไม่ได้
"วิกฤติก็จะเกิดบ่อยครั้งขึ้น ประชาธิปัตย์ก็จะได้เป็น "ฮีโร่"บ่อยครั้งขึ้น..!!"ครับ
จากกระบวนการ ตั้งเอง ชงเอง กินเอง บนชีวิตและเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนเช่นนี้ ทำให้ 60 กว่าปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์จึงพูดอย่าง ภูมิอก ภูมิใจ อยู่เสมอมาว่า
"ทุกครั้งที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติ พรรคประชาธิปัตย์คือผู้ที่เข้ามาแก้ปัญหา"
โพสต์มา 2 ปี ขอจบโพสต์แบบไม่สุภาพสักครั้ง คำเดียวสั้น ๆ ให้กับฮีโร่ (ขี้แพ้) ตลอดกาลของประเทศไทย ที่ชื่อ "พรรคประชาธิปัตย์" ครับ...
"ถุยยยย...ครับ!!"
