สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช นายก อบจ.เชียงราย
สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยายงยุทธ โดนศาลออกหมายจับ ฐานไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฟ้องร้องการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ปี 2547
วันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2557) ศาลจังหวัดเชียงราย ได้อ่านคำพิจารณาตามคำสังศาลฎีกาต่อกรณีคำร้องของฝ่ายจำเลยคดีแจ้งความอันเป็นเท็จต่อพนักงานตามมาตรา 137 ประมวลกฎหมายอาญา และการกระทำการอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือบริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 มาตรา 114 ทั้งนี้ โจทก์คือนางรัตนา จงสุทธนามณี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย และจำเลยคือนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช นายก อบจ.เชียงราย คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นภรรยาของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้จำเลยได้ขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษา 2 ครั้ง ได้แก่วันที่ 13 กันยายน 2556 ระบุว่าป่วย และวันที่ 2 สิงหาคม 2556 ได้ยื่นให้ตีความอำนาจการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาโดยศาลชั้นต้น ซึ่งก่อนถึงเวลานัดในวันนี้ ทางฝ่ายทนายจำเลยได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลฎีกาสืบพยานเพิ่มเติมในคดีดังกล่าวส่งผลให้การพิจารณาช้ากว่าเวลาที่นัดประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ศาลฎีกาจะสอบถามหาโจทก์และจำเลย ซึ่งโจทก์ก็ให้ทนายความมารับฟังแทน ขณะที่ฝ่ายจำเลยนางสลักจฤฎดิ์ ก็ไม่ได้เดินทางมาด้วย ศาลจึงได้ทนายความโทรศัพท์ไปให้มารับคำสั่งตามคำร้อง แต่ทนายบอกว่าไม่สามารถติดต่อได้ ศาลจึงอ่านคำสั่งกรณีคำร้องของจำเลยทันที
สำหรับเนื้อหาของศาลฎีกา มีอยู่ว่า ศาลได้มีคำพิพากษาต่อคดีดังกล่าวแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งคำร้องสนับสนุนคดีอีก และไม่จำเป็นต้องส่งคดีไปที่ศาลชั้นต้น อีกทั้งไม่มีเหตุอันควรที่จะให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาคดีอีก จึงยกคำร้องของฝ่ายจำเลย ส่วนประเด็นที่จำเลยไม่ได้เดินทางมาฟังคำสั่งศาลนั้น เห็นว่าจำเลยได้รับทราบหมายนัดจากศาลแล้ว ดังนั้นจึงขอให้ออกหมายจับจำเลยเพื่อนำตัวฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา วันที่ 12 มีนาคม 2557 เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ ทนายจำเลยพยายามเข้ามาชี้แจงต่อศาล ซึ่งศาลอธิบายว่า ได้พิจารณาคำร้องต่าง ๆ ไปหมดแล้ว และการที่ทนายแสดงความเห็น เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว ถ้าหากอยากชี้แจงอะไร ก็ให้ยื่นคำร้องเข้ามาใหม่
ส่วนที่มาของคดีดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ซึ่งพรรคไทยรักไทย ได้ส่งนางสลักจฤฎดิ์ลงสมัคร โดยมีนางรัตนาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ผลปรากฏว่า นางรัตนาสามารถเอาชนะการเลือกตั้งไปได้ ทำให้นางสลักจฤฎดิ์ ได้ร้องเรียนและฟ้องร้องนางรัตนาหลายคดี ซึ่งเน้นในเรื่องของการแจกของเพื่อหวังผลในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในปี 2549 ให้จำคุกนางสลักจฤฎดิ์ 3 ปี 9 เดือน ไม่รอลงอาญา ปรับ 75,000 บาท และเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
อย่างไรก็ตาม ได้มีการอุทธรณ์คดีจนยกฟ้อง และมีการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2551 ซึ่งนางรัตนาก็ชนะเลือกตั้งได้ โดยในปี 2555 นางสลักจฤฎดิ์ จากพรรคเพื่อไทย ก็สามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้ แต่คดีเก่าก็ยังคงอยู่จนมาถึงการนัดอ่านคำพิพากษาวันนี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก