เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงการณ์จุดยืนกองทัพบกทางช่อง 5 ยืนยันไม่ทำรัฐประหาร เพราะยิ่งขยายความขัดแย้ง ชี้ ปัญหาครั้งนี้แรงกว่าปี 53 หวังทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออกโดยสันติวิธี หวั่นประเทศชาติล่มสลาย หากมีการสูญเสียอีก
วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2557) เมื่อเวลาประมาณ 12.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้อ่านแถลงการณ์ชี้แจงจุดยืนของกองทัพบกต่อสถานการณ์ทางการเมือง ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) ระบุว่า วันนี้สถานการณ์ความรุนแรงเริ่มปรากฏมากขึ้น จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งทางกองทัพบกขอแสดงความเสียใจกับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใด โดยเฉพาะประชาชนผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ
ทั้งนี้ การหาตัวผู้กระทำผิดที่ใช้อาวุธสงครามอย่างอุกอาจถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐ และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจทุกภาคส่วน โดยจะดำเนินการป้องกันปราบปรามตามกระบวนการทางกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรงมากจนไม่สามารถควบคุมและยุติได้ ซึ่งกองทัพบกได้พยายามหารือไปยังนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) และทุกกลุ่มผู้ชุมนุมในการจะร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า จากการข่าวทราบว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมเมื่อปี 2553 ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งหาหลักฐานแล้ว ทั้งนี้ กองทัพไม่ได้กลัวการปฏิบัติหน้าที่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยังมีหลายฝ่ายไม่เข้าใจและต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร หากออกมาเกรงว่าจะเกิดเหตุรุนแรงจนมีผู้บาดเจ็บสูญเสียเพิ่มขึ้นอีกมาก อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทหาร และข้าราชการในปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ขอร้องผู้ชุมนุมอย่าบุกรุกยึดสถานที่ราชการ หรือใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้หมายความว่าทหารจะใช้กำลังเข้าคลี่คลายสถานการณ์ เพราะหากใช้กำลังทหารเข้าแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เท่ากับว่ากฎหมายและรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันต้องถูกยกเลิก ซึ่งหลายกลุ่มอยากให้ทหารใช้วิธีดังกล่าว จึงขอให้ตั้งสติพิจารณาด้วยว่า ปัญหาเหล่านี้จะยุติได้ด้วยวิธีการอันสงบหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ด้วยเหตุนี้ กองทัพจึงต้องยึดกฎหมาย เพราะหากไปกระทำการในลักษณะนั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะทำให้สถานการณ์ยุติลงได้โดยสงบ หรือจะยิ่งเป็นการขยายความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ทุกฝ่ายยังไม่ลดเงื่อนไข ไม่พยายามพิสูจน์หาข้อเท็จจริง ต่างปลุกระดมประชาชนทุกกลุ่มให้ออกมาต่อสู้ซึ่งกันและกัน หากใช้กำลังทหารคลี่คลายสถานการณ์อย่างเต็มรูปแบบ จะได้รับการยอมรับจากประชาชนที่อยู่นอกเหนือความขัดแย้งหรือไม่ ดังนั้น ต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง
ทั้งนี้ ผบ.ทบ. ยังมองด้วยว่า ความขัดแย้งในวันนี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางกว่าปี 2553 เพราะมีหลายกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีเงื่อนไขสลับซับซ้อน สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนในวันนี้ คือ ทุกกลุ่มต้องมาพูดคุยกัน หารือกันเพื่อให้ทุกฝ่ายเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรม และช่วยกันนำพาไปสู่การแก้ปัญหาที่เป็นระบบอย่างสันติวิธี ถือเป็นหน้าที่ของประชาชนทั้งประเทศ ทุกฝ่ายจะต้องนำผลประโยชน์ของชาติทั้งปัจจุบันและอนาคตมาเป็นหลักในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ในปัจจุบันให้ได้ จนได้รับการยอมรับในข้อเท็จจริงจากคู่ขัดแย้งและประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เป็นคนไทยและเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏ ทุกฝ่ายยอมรับแล้วจะได้หาทางแก้ปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎหมายต่อไป ไม่เกิดปัญหามวลชนออกมาต่อสู้กันจนเกิดความสูญเสีย
ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กองทัพถูกกล่าวให้ร้ายตามสื่อและโซเชียลมีเดียว่า ที่ผ่านมากองทัพพยายามอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด เพราะถูกดึงเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยันว่า ทหารไม่ต้องการใช้กำลังและอาวุธมาต่อสู้กับคนไทยด้วยกันที่เห็นต่างโดยไม่จำเป็น เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีกฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับใช้ หากมีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกต่อไป ประเทศชาติจะล่มสลายอย่างแน่นอน และจะไม่มีใครชนะหรือแพ้อีกต่อไป ตนจึงมุ่งหวังจะให้ปัญหาของชาติได้รับการแก้ไขด้วยสันติวิธีและรวดเร็ว โดยที่ไม่สร้างความขัดแย้งอีกต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
