การแบ่งมรดกที่ไม่มีพินัยกรรม แบ่งกันอย่างไร

แบ่งมรดก

          ช่วงนี้ได้ยินข่าวคราวคนที่มีชื่อเสียงเสียชีวิตกันอยู่บ่อย ๆ ท่านผู้อ่านคงอยากจะทราบและสงสัยกันว่า ถ้าบุคคลที่เสียชีวิตไปเหล่านี้ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ทายาทจะแบ่งทรัพย์สินกันอย่างไร เรื่องแบบนี้พี่น้องตัดญาติขาดมิตรกันมาเยอะแล้ว หากผู้ตายมีบุตรหลายคน ไหนจะบุตรที่เป็นไพ่ใบสุดท้ายที่เพิ่งถูกเปิดเผยอีกล่ะ จะทำอย่างไร ?

          เรื่องของการแบ่งทรัพย์มรดกนับว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนอยู่ ขอคลายความสงสัยให้ได้อ่านและทราบกันตามหลักการเบื้องต้น ดังนี้
          ในเรื่องของมรดกนั้น ถูกบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปพพ.) ซึ่งกำหนดขอบเขตของมรดกไว้ว่า กองมรดกของผู้ตายได้แก่ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ (มาตรา 1600) อะไรที่เป็นการเฉพาะตัวคือสิ่งที่ผู้ตายต้องทำเองอันนี้ก็ไม่ผูกพัน เช่น ถ้าผู้ตายเป็นนักร้อง เกิดตายก่อนขึ้นคอนเสิร์ต ที่ก่อนหน้านี้ขายบัตรหมดแล้ว เป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ผู้ตายต้องทำเอง ผู้รับมรดกไปทำแทนไม่ได้ เป็นต้น เมื่อกฎหมายวางหลักไว้แบบนี้แสดงว่ากองมรดกของผู้ตายนั้นไม่ได้หมายความถึงทรัพย์สินอย่างเดียวเท่านั้น หนี้สิน หรือภาระต่าง ๆ ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งผู้รับมรดกจะต้องรับไปทั้งหมด แต่ถ้าผู้ตายมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน ผู้รับมรดกก็ไม่ต้องรับผิดชอบหนี้สินที่เกินกว่าทรัพย์มรดกตกทอดที่ได้มา (มาตรา 1601) ผู้รับมรดกตกทอดของผู้ตายที่มีสิทธิ์ตามกฎหมายนั้น จะเรียกว่า "ทายาทโดยธรรม" (มาตรา 1603)

          ทายาทโดยธรรมจะมี 6 ลำดับเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้รับมรดก ก่อนหลังดังต่อไปนี้ (มาตรา 1629)

               (1) ผู้สืบสันดาน ก็คือ ลูก หรือ หลาน
               (2) บิดามารดา
               (3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
               (4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน
               (5) ปู่ ย่า ตา ยาย
               (6) ลุง ป้า น้า อา

          ลำดับชั้นของการรับมรดกนั้นจะเรียงไปตามลำดับก่อนหลัง หากทายาทลำดับที่ 1 ยังมีชีวิตอยู่ ทายาทในลำดับถัดไปก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดก แต่ก็มีข้อยกเว้นว่า ทายาทลำดับที่ 1 ยังมีชีวิตอยู่ และบิดามารดาของผู้ตายก็ยังมีชีวิตอยู่ (ทายาทลำดับที่2) บิดามารดาของผู้ตายนั้นจะได้รับส่วนแบ่งมรดกเหมือนทายาทชั้นบุตร (มาตรา 1630) คือ ชั้นผู้สืบสันดานในฐานะเท่ากับลูกของผู้ตาย ให้แบ่งมรดกเท่า ๆ กัน เพราะกฎหมายถือว่าเป็นญาติในลำดับที่สนิทที่สุด

          ยกตัวอย่างเช่น นายหนึ่งมีทรัพย์สินอยู่ 100,000 บาท มีภรรยาแต่ตายไปนานแล้ว มีบุตรด้วยกัน 2 คน อาศัยอยู่กับ บิดา มารดา และพี่สาว 1 คน ถ้านายหนึ่งตายไป ถามว่าจะแบ่งทรัพย์สินกันอย่างไร

          คำตอบคือ บิดา มารดา และบุตร อีก 2 คน จะได้รับส่วนแบ่งเงินคนละเท่า ๆ กันคือ คนละ 250,000 บาท ส่วนพี่สาวนั้นเป็นญาติลำดับถัดลงไปไม่ได้อะไรเลย (ตามมาตรา 1629 และ1630)

          อ่านมาถึงตรงนี้งงไหมเอ่ย แล้วภรรยา หรือสามี ที่เป็นคู่สมรสของผู้ตายล่ะ ไม่ได้รับมรดกเลยหรือ เป็นทายาทลำดับใด กฎหมายแยกพูดไว้โดยเฉพาะเลยค่ะ สำหรับคู่สมรสที่ได้จดทะเบียนโดยชอบตามกฎหมาย ให้แบ่งสินสมรสให้กับคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ครึ่งหนึ่งก่อน แล้วทรัพย์มรดกส่วนที่เหลือจึงจะแบ่งให้แก่ทายาท กล่าวคือ นอกจากคู่สมรสจะแบ่งสินสมรสมาครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ยังมีสิทธิ์ได้รับมรดกของผู้ตายส่วนที่เหลืออีกด้วย ซึ่งไม่ว่าจะมีทายาทลำดับใดมีชีวิตอยู่ คู่สมรสจะได้รับส่วนแบ่งเสมอจะมากน้อยตามที่กฎหมายกำหนด ทีนี้มาดูว่าทายาทของผู้ตายนั้นมีทายาทในลำดับใดอยู่บ้างและคู่สมรสจะได้กี่ส่วน ดังนี้

               (1) ถ้ามีทายาทในชั้นผู้สืบสันดาน คู่สมรสมีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งเหมือนเป็นทายาทชั้นบุตร

               (2) ถ้ามีทายาทในชั้นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน หรือถ้าไม่มีบุตรแต่บิดามารดาของผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมีสิทธิ์ได้รับมรดกครึ่งหนึ่ง

               (3) ถ้ามีทายาทคือ พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน หรือลุง ป้า น้า อา หรือมีปู่ ย่า ตา ยายแล้วแต่กรณี คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ มีสิทธิ์ได้มรดก 2 ใน 3 ส่วน

               (4) ถ้าผู้ตายไม่มีทายาทเลย คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นมีสิทธิ์ได้รับมรดกทั้งหมด

          การแบ่งทรัพย์มรดกนั้นเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอยู่ไม่น้อย ทางที่ดีผู้ที่มีทรัพย์สินเยอะ ๆ เป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกหลาน หรือมีพี่น้องมาก ๆ ควรทำพินัยกรรมไว้จะดีกว่า คนข้างหลังจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
การแบ่งมรดกที่ไม่มีพินัยกรรม แบ่งกันอย่างไร อัปเดตล่าสุด 30 เมษายน 2559 เวลา 01:53:44 103,353 อ่าน
TOP
x close