เว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย สั่งจับกุมเจ้าชาย 11 พระองค์ สั่งปลดรัฐมนตรีอย่างน้อย 4 คนพ้นตำแหน่ง พร้อม ๆ กับเรียกตัวอดีตรัฐมนตรีจำนวนหลายสิบคนไปสอบสวน โดยเป็นการกวาดล้างคอร์รัปชันครั้งใหญ่และเด็ดขาด ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไขได้ยากมานานหลายปี
ภาพจาก FAYEZ NURELDINE / AFP
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน วัย 32 พรรษา มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยผ่านสถานีโทรทัศน์อัล อาราบียา ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ทรงมีคำสั่งให้จัดมาตรการปราบปรามคอร์รัปชันเสียใหม่ เนื่องจากมันเป็นปัญหาเลวร้ายที่หยั่งรากลึก และบ่อนทำลายการพัฒนาประเทศมาหลายทศวรรษ ซึ่งประกาศดังกล่าวสร้างความตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ เนื่องจาก เจ้าชายอัลวาลีด บิน ตาลัล มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยมหาศาล ติดอันดับหนึ่งในผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ก็ถูกจับกุมด้วย
ภาพจาก AFP
เจ้าชายอัลวาลีด บิน ตาลัล หนึ่งในราชวงศ์ชั้นสูง ที่ถูกจับกุมฐานคอร์รัปชัน
สถานีโทรทัศน์อัล อาราบียา รายงานอีกว่า คณะกรรมการกวาดล้างคอร์รัปชัน ซึ่งมีเจ้าชายโมฮัมเหม็ดเป็นประธาน มีสิทธิชอบธรรมในการจับกุมผู้ต้องสงสัยคอร์รัปชันมาสอบสวนได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม โดยบุคคลเหล่านั้นจะถูกสั่งห้ามเดินทาง และอาจถูกอายัดทรัพย์สินทั้งหมดที่มีในครอบครอง
รายงานเผยว่า โรงแรมริตซ์ คาร์ตัน ซึ่งเป็นโรมแรมหรูหราสำหรับราชวงศ์ชั้นสูง ตั้งอยู่ในกรุงริยาด ได้ถูกยึดตั้งแต่มีการประกาศมาตรการดังกล่าว มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วประเทศว่า โรงแรมแห่งนี้คือสถานที่กักตัวบรรดาเจ้าชายทั้ง 11 พระองค์นั้น นอกจากนี้แล้ว เจ้าชายโมฮัมเหม็ดก็ได้สั่งปิดสนามบินที่ให้บริการเครื่องบินส่วนตัวอีกด้วย เนื่องจากพระองค์เกรงว่าบรรดาเศรษฐี หรือนักธุรกิจมือสกปรกจะใช้เป็นช่องทางในการหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่า กระบวนการสอบสวนคอร์รัปชันนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน และบุคคลผู้ถูกจับกุมจะได้รับโทษสถานใดบ้าง
ข้อมูลจาก aljazeera.com, edition.cnn.com, reuters.com