สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. เผย 21 มิถุนายน 2567 เป็น วันครีษมายัน กลางวันยาวนานที่สุดในรอบปีทางซีกโลกเหนือ ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด
นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ เปิดเผยว่า ช่วงเดือนมิถุนายน ดวงอาทิตย์จะตกค่อนข้างช้า กว่าจะตกลับขอบฟ้าก็เป็นเวลาใกล้ 1 ทุ่ม เนื่องจากเป็นเดือนที่ประเทศทางซีกโลกเหนือได้รับปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์นานที่สุดในรอบปี เกิดจากการที่โลกหมุนรอบตัวเอง (ใช้เวลาประมาณ 1 วัน) ขณะเดียวกันโลกก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ (ใช้เวลาประมาณ 1 ปี)
เนื่องจากแกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา ตั้งฉากกับแนวโคจรรอบดวงอาทิตย์ ส่วนของโลกที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์จึงแตกต่างกันไป รวมถึงรังสีดวงอาทิตย์ที่ตกตั้งฉากกับพื้นโลกก็เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของแนวทางการโคจร ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของโลกได้รับแสงอาทิตย์ไม่เท่ากัน และมีอุณหภูมิต่างกัน เป็นสาเหตุของการเกิดฤดูกาล
สำหรับในปีนี้ ในวันที่ 21 มิถุนายน 2567 เป็นวันที่มีช่วงเวลากลางวันยาวที่สุดในรอบปีของประเทศทางซีกโลกเหนือ ภาษาสันสกฤตเรียกว่า วันครีษมายัน (ครีด-สะ-มา-ยัน) หรือ Summer Solstice
นายศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คำว่า Solstice เป็นภาษาอินโดยูโรเปียน Stice หมายถึง สถิต หรือหยุด ดังนั้น Summer Solstice หมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์ไม่เคลื่อนที่ เพราะดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ไปทางเหนือเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคม และหยุดที่จุดเหนือสุดในวันที่ 21 มิถุนายน หลังจากนั้นจะค่อย ๆ เคลื่อนที่ลงมาทางใต้ ในทางฤดูกาลนับเป็นวันเริ่มต้นฤดูร้อนในซีกโลกเหนือ และเริ่มต้นฤดูหนาวในซีกโลกใต้
ในระยะเวลา 1 ปี ที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ ได้แก่
1. วันวสันตวิษุวัต (วะ-สัน-ตะ-วิ-สุ-วัด) (Vernal Equinox) เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
2. วันครีษมายัน (ครีด-สะ-มา-ยัน) (Summer Solstice) ในปี 2567 ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายน เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันยาวที่สุดในรอบปี สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือนับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ ช่วงกลางวันจะสั้นที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว
3. วันศารทวิษุวัต (สาด-ทะ-วิ-สุ-วัด) (Autumnal Equinox) เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
4. วันเหมายัน (เห-มา-ยัน) (Winter Solstice) เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี หรือที่คนไทยเรียกว่า "ตะวันอ้อมข้าว" สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือนับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ ช่วงกลางวันจะยาวที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ, สมาคมดาราศาสตร์ไทย, เว็บไซต์ timeanddate.com, เว็บไซต์ timeanddate.com