กระทรวงพลังงานเผยข้อมูล เปิดแอร์ที่ 35 องศากับ 41 องศา ทำไมค่าไฟต่างกันบานเบอะ มีคำตอบ พร้อมวิธีการช่วยประหยัดไฟมากขึ้น
- แอร์ขนาด 12,000 BTU
- เปิดที่ 26 องศาเซลเซียส 8 ชั่วโมงต่อวัน
- คำนวณจากค่าไฟเฉลี่ย 3.90 บาทต่อหน่วย
ผลการทดสอบ
ทั้งนี้ ผลการทดสอบ ระบุไว้ดังนี้
1. อุณหภูมิภายนอก 35 องศาเซลเซียส
- เปิดแอร์ 1 ชั่วโมง จะใช้ไฟชั่วโมงละ 0.69 หน่วย
- คิดเป็นเงิน 2.69 บาท/ชั่วโมง
- เปิดแอร์ 8 ชั่วโมง/วัน ใช้ไฟ 5.52 หน่วย/วัน
- คิดเป็นเงิน 21.52 บาท/วัน
- ค่าไฟต่อเดือน (30 วัน) จะอยู่ที่ 645.60 บาท
2. อุณหภูมิภายนอก 41 องศาเซลเซียส
- เปิดแอร์ 1 ชั่วโมง จะใช้ไฟชั่วโมงละ 0.79 หน่วย
- คิดเป็นเงิน 3.08 บาท/ชั่วโมง
- เปิดแอร์ 8 ชั่วโมง/วัน ใช้ไฟ 6.32 หน่วย/วัน
- คิดเป็นเงิน 24.64 บาท/วัน
- ค่าไฟต่อเดือน (30 วัน) อยู่ที่ 739.20 บาท
ผลการทดสอบ ระบุได้ว่า อุณหภูมิภายนอกที่สูงขึ้น ทำให้ค่าไฟสูงขึ้นตามไปด้วย และถ้าไม่ต้องการให้ค่าไฟสูงเกินไป สามารถทำได้ด้วยการปรับแอร์ที่อุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียสแล้ว อาจเปิดพัดลมช่วย และปิดม่านบังแสงแดด ซึ่งจะช่วยให้แอร์ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กระทรวงพลังงาน
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เดือนเมษายนค่าไฟแพง
เฟซบุ๊ก กระทรวงพลังงาน ยังมีการระบุถึง 3 เหตุผลสำคัญที่ทำให้เดือนเมษายนมีค่าไฟแพง ทั้งที่ใช้ไฟเท่าเดิม มีสาเหตุดังนี้
1. เด็กปิดเทอม
เด็ก ๆ อยู่บ้านมากขึ้น เปิดแอร์ ตู้เย็น ทีวี พัดลม มากกว่าเดือนอื่น ๆ ทำให้มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นกว่าปกติ
2. แอร์ทำงานหนัก
สภาพอากาศที่ร้อนจัดกว่าเดือนอื่น ๆ ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น ทั้งที่เปิดอุณหภูมิและเวลาใช้งานเท่าเดิม จนส่งผลให้ค่าไฟสูงกว่าปกติ
3. ค่าไฟอัตราก้าวหน้า
ไทยคิดค่าไฟรูปแบบอัตราก้าวหน้า ยิ่งใช้ไฟมากขึ้น ค่าไฟต่อหน่วยก็จะแพงขึ้นตามไปด้วย
เทคนิค 5 ป. ช่วยลดค่าไฟ
หนึ่งในวิธีแก้ปัญหา ทางกระทรวงพลังงานแนะนำให้ลองใช้เทคนิค 5 ป. ได้แก่
1. ปิด - ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น
2. ปรับ - ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศา หากยังร้อนอยู่ให้ใช้พัดลมช่วย
3. ปลด - ปลดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน
4. เปลี่ยน - เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
5. ปลูก - ปลูกต้นไม้ สร้างร่มเงา รักษาสิ่งแวดล้อม