ลูกบ่นแม่เห็นแก่เงิน หลังเรียกเงินเดือนละ 1.5 หมื่น ถ้าจะให้ช่วยเลี้ยงหลาน ผ่านไป 6 ปี แม่ที่รักเงินให้กลับเป็นล้าน กลายเป็นโมเมนต์ตื้นตัน
เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป สำหรับหลาย ๆ
บ้านที่ให้ปู่ย่ามาอาศัยอยู่ร่วมกันเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน
แต่การที่คนต่างวัยมาอยู่ร่วมกันนั้น ย่อมหนีไม่พ้นที่จะเกิดปัญหาเล็ก ๆ
น้อย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำความเข้าใจกัน
หรืออาจทำเป็นข้อตกลงร่วมกันดังเช่นสิ่งที่หญิงจีนรายหนึ่ง
เลือกจะทำตอนที่ลูกชายขอให้ไปอยู่กับเขาเพื่อเลี้ยงหลาน
ซึ่งแม้สิ่งที่เธอเรียกร้องจะทำให้ลูกชายบ่นว่าเธอเห็นแก่เงิน
แต่สุดท้ายกลับต้องซึ้งจนน้ำตาไหลกับสิ่งที่แม่ทำให้
จากรายงานของเว็บไซต์ kenh14.vn เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 เผยว่า เรื่องราวดังกล่าวได้รับการเปิดเผยบนชุมชนออนไลน์ของจีนไม่นานมานี้ โดยหญิงแซ่หลิว ซึ่งเล่าว่าตอนนี้เธออายุ 61 ปีแล้ว นับตั้งแต่เกษียณเธอก็ย้ายมาอยู่บ้านลูกชายเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน ขณะนี้เวลาก็ผ่านมา 6 ปีแล้ว โดยทุก ๆ เดือนเธอจะได้รับเงินจากสะใภ้ 3,000 หยวน (ราว 15,000 บาท)
ตอนแรกที่เธอเรียกร้องขอเงินจำนวนนี้ ลูกชายถึงกับโทร. มาต่อว่า บอกว่า "แม่ก็แค่มาเลี้ยงหลาน ยังต้องการเงินอีกเหรอ ครอบครัวอื่น ๆ เป็นฝ่ายให้เงินลูกไม่ใช่หรือไง แม่นี่รักเงินมากจริง ๆ นะ"
แม้แต่ครั้งหนึ่งที่เธอเดินอยู่ใต้ถุนของอพาร์ตเมนต์ ก็ยังได้ยินสะใภ้บ่น ว่าแม่สามีได้รับเงินบำนาญเดือนละ 5,000 หยวน (ราว 25,000 บาท) อยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากให้พวกลูกจ่ายให้อีก 3,000 หยวนทุกเดือน
ในฐานะแม่สามี เธออยากจะบอกออกไปจริง ๆ ว่า การที่เธอมาช่วยดูแลหลานให้นั้น ก็ควรจะแบ่งแยกระหว่างความรัก กับความมีเหตุผลออกจากกัน เธอมาช่วยดูแลหลานเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง ซึ่งหากไม่ช่วยก็ไม่มีอะไรผิด ส่วนหน้าที่รับผิดชอบในตัวเด็กนั้นควรเป็นของคนที่คลอดออกมา
นางหลิว เผยว่า เธอหย่ากับอดีตสามีมาหลายปีแล้ว ตอนที่ลูกชายแต่งงานเธอก็ออกค่าสินสอดให้ 128,000 หยวน (ราว 6.4 แสนบาท) ส่วนอดีตสามีช่วยออกค่าจัดงานแต่ง เดิมลูกชายกับสะใภ้คุยกันว่า ถ้ามีลูกเมื่อไหร่ก็จะให้แม่ยายมาช่วยดูแลลูก ให้แม่สามีอย่างเธอช่วยจ่ายแค่ค่านมทุก ๆ เดือนก็พอ
แต่หลังจากนั้น กลายเป็นว่าสุขภาพของฝั่งพ่อตาไม่ดี แม่ยายต้องไปดูแลสามีสลับกับมาเลี้ยงหลาน กลายเป็นภาระหนักมาก ดังนั้น นางหลิวจึงเสนอที่จะช่วยเหลือ โดยมีเงื่อนไข 3 ข้อ ซึ่งหากสะใภ้ยอมตกลง เธอก็ยินดีมาเลี้ยงหลานให้
โดยข้อตกลงทั้ง 3 ข้อคือ
1. เราจะเคารพกันและกัน ยอมรับนิสัยของอีกฝ่าย ไม่บังคับฝืนใจอะไรกัน
2. เธอรับผิดชอบแค่การเลี้ยงหลานจนกระทั่งถึงเวลาเข้าเรียนเท่านั้น ลูกชายกับสะใภ้ไม่สามารถหาข้ออ้างอะไรมาบังคับให้เธออยู่ต่อได้
3. ทุกเดือนสะใภ้ต้องให้เงิน 3,000 หยวน ซึ่งไม่ใช่ค่าครองชีพหรือค่าแรง แต่เป็นเงินสนับสนุนญาติผู้ใหญ่
กลายเป็นว่าคืนนั้นลูกชายวิดีโอคอลมาหาเธอ บ่นว่าการหาเงินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ว่าลูกชายจะบ่นยังไงเธอก็ยืนกรานว่าต้องทำตามเงื่อนไขนี้เท่านั้น และเธอยังจะให้ค่านมเด็กแก่เขาเดือนละ 2,000 หยวน (ราว 10,000 บาท) ตามเดิม
สุดท้ายสะใภ้เป็นคนที่ตัดสินใจ โดยเสนอเงื่อนไข 3 ข้อเป็นการแลกเปลี่ยนเช่นกัน
1. สะใภ้เป็นครู เธอมีช่วงปิดเทอมปีละ 2 ครั้ง ซึ่งตอนนั้นแม่สามีไม่ควรใช้เป็นข้ออ้างกลับบ้านไป เพราะเธอยังสาวและอยากพัฒนาเส้นทางอาชีพอื่น ๆ ต่อ
2. คนหนุ่มสาวกับผู้ใหญ่ย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกันมาก หวังว่าแม่สามีจะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ ไม่บ่นเรื่องข้าวของมากมายที่มาส่งถึงบ้าน
3. เรื่องเงิน 3,000 หยวน สะใภ้ยินดีมอบให้แม่สามี เพื่อแสดงความขอบคุณแม่สามีผู้ทุ่มเทและมีความเข้าใจ
เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายยอมตกลง นางหลิวจึงเก็บกระเป๋ามาอยู่บ้านลูกชาย จนกระทั่งในที่สุดเวลาก็ผ่านไปนาน 6 ปี ระหว่างนั้นพวกเธอย่อมมีความขัดแย้งและเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ยังยึดในข้อตกลงที่ทำกันไว้ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ที่เหลือก็แค่อาศัยความอดทนและเข้าใจกัน เพื่อให้ยอมรับในตัวอีกฝ่าย
จนกระทั่งตอนนี้ หลานชายกำลังจะเข้าเรียนแล้ว นางหลิวก็คิดว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองสักที ไม่นานมานี้เธอจึงบอกกับลูกชายและสะใภ้ว่า ตอนนี้หลานกำลังจะเข้าโรงเรียนแล้ว ดังนั้นก็ถึงเวลาที่เธอควรกลับบ้านเกิดไปใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างมีความสุขแล้ว
จากนั้นนางหลิวก็หยิบบัญชีธนาคารมาให้สะใภ้ พร้อมบอกว่า ในบัญชีนี้มีเงินอยู่ 250,000 หยวน (ราว 1.2 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินที่เธอเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาแก่หลาน
ตอนนั้นสะใภ้ประหลาดใจมาก เธอเข้ามากอดแม่สามีทันที และกล่าวคำขอบคุณทั้งน้ำตา แม้แต่ลูกชายของนางหลิวก็ตื้นตันจนน้ำตาไหล เขายังท้วงว่า "ไม่ถูกสิแม่ เดือนละ 3,000 หยวน เวลา 6 ปี เงินต้องไม่ได้มากขนาดนี้สิ"
แต่นางหลิวก็แค่หัวเราะและแซวลูกชายกลับไป ฝ่ายลูกชายก็หัวเราะและวิ่งมากอดแม่ บอกว่าไม่อยากให้แม่ไปไหน แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายเขาก็ไม่อาจรั้งผู้เป็นแม่ไว้ได้ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำข้อตกลงชัดเจนกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วนั่นเอง
ทั้งนี้ นางหลิวเผยว่าเธอมีบ้านและเงินเก็บอยู่แล้ว ตอนมาอยู่บ้านลูกชายก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะลูกชายกับสะใภ้เป็นคนซื้ออาหารเข้ามา เธอแค่ช่วยทำอาหาร ส่วนเงิน 3,000 หยวนที่ได้รับจากสะใภ้ เธอจะเก็บเงินใส่บัญชีธนาคารแยกไว้ เพื่อเป็นกองทุนการศึกษาให้หลานชาย เป็นของขวัญที่เธอจะมอบแก่เขา
จริง ๆ แล้วคนแก่อย่างเธอ ด้วยประกันสังคม ประกันสุขภาพ และเงินเก็บที่มี ก็เพียงพอแก่การใช้ชีวิต สาเหตุที่เธอเรียกเอาเงินจากลูก ๆ ก็เพื่ออยากจะบอกพวกเขาว่าต่อให้เธอมาช่วยเลี้ยงหลานด้วยความเอ็นดู แต่พวกเขาก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน และการทำแบบนี้ยังทำให้พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมีคุณค่า ได้ช่วยพวกเขาเก็บเงินเพื่ออนาคตของหลาน แถมยังสร้างแรงบันดาลใจแก่ลูก ๆ ให้พยายามหาเงินมากขึ้นด้วย
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก kenh14.vn