หยุดทำร้ายประเทศไทย แล้วไงต่อ...? (มติชนออนไลน์)
การรณรงค์ระดับชาติเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมของเครือข่าย "หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง" ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน ประชาชนและหน่วยงานของรัฐอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ
ถือเป็นการส่งสัญญาณของประชาชนส่วนใหญ่ครั้งสำคัญว่า สังคมไทยไม่ต้องการและรับไม่ได้กับการใช้ความรุนแรงอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีคำถามที่มักถามกันอยู่เสมอ เช่น หลังจากนี้แล้วจะทำอะไรต่อไป ใครเป็นผู้ที่ทำร้ายประเทศไทย และการหยุดยั้งการใช้ความรุนแรงอย่างยั่งยืนจะทำอย่างไร
การขับเคลื่อนของเครือข่าย "หยุดทำร้ายประเทศไทยฯ" ไม่มีผู้นำ แต่เป็นการหารือของเครือข่ายและพยายามเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกๆ ฝ่ายที่สามารถคิดรูปแบบการรณรงค์ การนำเสนอเนื้อหาได้เองโดยไม่ต้องรอการนำหรือการสั่งศูนย์กลางใดๆ ทั้งสิ้น
แต่การที่จะทำให้สังคมไทยตระหนักถึงหายนะภัยของการใช้ความรุนแรงและไม่ยอมรับอย่างแท้จริง เห็นว่า อาจต้องมีการรณรงค์ในเชิง "สัญญาลักษณ์" อย่างต่อเนื่องอีกสักระยะหนึ่งในรูปแบบต่างๆ เช่น สมาคมเกี่ยวกับาธุรกิจการค้าที่มักบอกว่าได้รับความเสียหายจากการใช้ความรุนแรงมากที่สุด อาจให้พนักงานขายของห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศใส่เสื้อ "หยุดทำลายประเทศไทยฯ" พร้อมกันในวันใดวันหนึ่ง
อย่ากลัวว่าเป็นการยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้วจะเกิดอันตรายกับธุรกิจของตัวเอง เพราะบทเรียนที่ผ่านมาบ่งบอกชัดเจนแล้วว่า การอยู่เฉยๆโดยไม่ยอมทำอะไร (หรือทำอยู่ในเงามืด) สร้างความเสียหายให้แก่ธุรกิจรุนแรงยิ่งกว่า
ขณะเดียวกันฝ่ายและองค์กรต่างๆ ทั้งรัฐ ภาคประชาชน สื่อ ฯลฯต้องเริ่มเปิดเวที เปิดพื้นที่เพื่อเรียนรู้ร่วมกันเกี่ยวกับเนื้อหาที่จะสร้างพลเมืองไทยที่มีสำนึกประชาธิปไตยอย่างหลากหลาย อาทิ...
- ประชาธิปไตยเห็นแตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง ประเด็นนี้อยากอรรถาธิบายว่า การณรงค์ครั้งนี้มิได้เรียกร้องให้ฝ่ายที่มีความเห็นที่ขัดแย้งกันมา "จูบปาก" กัน เพียงแต่ต้องมาถกเถียงกันบนพื้นที่เปิดและเป็นไปตามกติกาที่ต้องไม่ใช้ความรุนแรงต่อกัน
- การใช้เสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย ต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ประเด็นนี้ทุกๆฝ่ายที่ต้องมีส่วนร่วมกันในการวางกติการ่วมกันเพื่อให้การใช้เสรีภาพในการแสดงออกในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นมีขอบเขตแค่ไหน อย่างไร และไม่ถูกปิดกั้นการแสดงออก
- สร้างความยุติธรรมและความเป็นธรรมในสังคมไทย ทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และไม่เลือกปฏิบัติ เป็นประเด็นที่ใหญ่มากและมีมีความซับซ้อน เพราะเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมที่เป็นองค์กรที่มีอำนาจตามกฎหมายและผลประโยชน์มหาศาล ขณะเดียวกันเป็นเป้าหมายในการแทรกแซงจากนักการเมือง
ปัญหาความไม่ยุติธรรม ยังเป็นปัญหาทั้งจากโครงสร้างกฎหมาย โครงสร้างสังคมและการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรมซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมไทยถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสอันนี้ที่จะหยิบยกขึ้นมาเปิดเวทีเรียนรู้ร่วมกันเพื่อผลักกันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าสามารถทำให้สังคมไทยเรียนรู้ร่วมกันผ่านพื้นที่และเวทีต่างๆ ในเนื้อหาเหล่านี้และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในระดับใดระดับหนึ่งเชื่อว่า จะทำให้ลดความขัดแย้งในสังคมไทยลงไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน
ส่วนคำถามที่ว่า ใครเป็นผู้ทำร้ายประเทศไทย เห็นว่าทุกๆ ฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง และผู้ (ไม่จำเป็นต้องบุคคลเฉพาะคนใดคนหนึ่ง) ที่เป็นต้นเหตุของการใช้ความรุนแรง ซึ่งบางครั้งไม่อาจมองอย่างแยกส่วนหรือตัดตอนเฉพาะส่วนใดๆ ส่วนหนึ่งได้ อาจเป็นสาเหตุที่เกี่ยวพันมาในอดีต
แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ อยากให้ทุกๆ คนหันมาทบทวนดูตัวเองว่า ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำร้ายประเทศไทยหรือไม่ และแม้จะเคย แต่การเริ่มต้นก็ยังไม่สายเกินไป
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
โดย ประสงค์ วิสุทธิ์
ภาพประกอบโดย Glitter.kapook.com