แพนด้าเพื่อนรัก (วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ โมชั่น พิคเจอร์ และ อิ๋ง ตง มีเดีย)
กำหนดฉาย : 12 สิงหาคม 2552
เฉพาะเครือโรงภาพยนตร์ เอส.เอฟ.ซีเนม่าซิตี้ เท่านั้น
"เด็กชายในหนังเรื่องนี้เชื่อว่าเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องในการช่วยแพนด้าน้อยเอาไว้... ทำในสิ่งที่คุณเชื่อมั่นโดยไม่ย่อท้อ ผมคิดว่านั่นคือข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ครับ"
ฌอง ชาโลแปง ผู้อำนวยการสร้าง / มือเขียนบท "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก"
"เราหวังว่าหนังเรื่องนี้จะสื่อสารไปยังผู้ชมทุกหนทุกแห่งว่ายังมีผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ยังมีแพนด้าใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น และเราก็หวังว่าพวกเขาจะมีกำลังใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง และก็หวังว่าคนอื่นๆ จะยังคงคอยช่วยเหลือ และสนับสนุนผู้คนจากเสฉวนรวมถึงพวกแพนด้าด้วยค่ะ"
เจนนิเฟอร์ ลิว ผู้อำนวยการสร้าง / มือเขียนบท "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก"
"Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" อำนวยการสร้างโดย อิ๋ง ตง มีเดีย และจัดจำหน่ายในต่างประเทศโดย วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากศูนย์อนุรักษ์และวิจัยแพนด้ายักษ์แห่งประเทศจีน (CCRCGP) และองค์กรบริหารวนอุทยานแห่งชาติวู่หลง มณฑลเสฉวน
ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของเสี่ยว หลู (รับบทโดยไดอิจิ ฮาราชิมะ) เด็กชายกำพร้าผู้สูญเสียพ่อแม่ของเขาไปกับเปลวเพลิง เขาสลัดความเหงาทิ้งไปได้เมื่อลูกแพนด้าตัวน้อยเดินต้วมเตี้ยมเข้ามาในชีวิตเขา ดูเหมือนว่าลูกแพนด้าตัวนี้จะพลัดหลงจากแม่และฝาแฝดของมัน เมื่อมันกลายเป็นเป้าหมายในการตามไล่ล่าของนักวิจัยแพนด้า และท้ายที่สุด มันก็ได้รับความช่วยเหลือจากเสี่ยว หลู หลังจากที่พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดในป่าด้วยตัวเอง ด้วยความรู้สึกเหมือนพบเพื่อนพ้อง เด็กชายและลูกแพนด้าก็กลายเป็นเพื่อนสนิทตัวติดกัน จนกระทั่งเสี่ยว หลูรู้สึกว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะทำให้แพนด้าน้อยๆ ตัวนี้ได้คือช่วยมันหาทางกลับบ้านเพื่อให้มันกลับไปสู่อ้อมอกแม่
ในช่วงเวลาของการจากลา เสี่ยว หลูก็ได้เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของความรักและความกล้าหาญ ในตอนที่เขาต้องตัดสินใจที่จะปลดปล่อยเพื่อนรักของเขาให้เป็นอิสระเพื่อที่ลูกแพนด้าน้อยจะได้กลับไปพบหน้าแม่อีกครั้ง
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" ได้เริ่มต้นการถ่ายทำในหุบเขาของมณฑลเสฉวน ลึกเข้าไปในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของแพนด้ายักษ์ ซึ่งทำให้ผู้ชมมีโอกาสได้เห็นความงามอันตระการตาของพื้นที่นี้ เช่นยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะของหุบเขาซื่อกูเหนียง และป่าที่เขียวขจีของวนอุทยานแห่งชาติวู่หลง
การสนับสนุนของศูนย์อนุรักษ์และวิจัยแพนด้ายักษ์แห่งจีนทำให้ทีมงานสร้างได้ร่วมงานกับแม่แพนด้าสองตัวและลูกๆ สิบสี่ตัวระหว่างการถ่ายทำ โดยลูกแพนด้าวัยหกเดือนหกตัวได้สับเปลี่ยนกันรับบท "พ่าง พ่าง" ตัวละครแพนด้าหลักในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ในบรรดาหนึ่งร้อยสี่สิบซีนของภาพยนตร์เรื่องนี้ มีแพนด้าจริงๆ ปรากฏตัวในหนึ่งร้อยยี่สิบซีน มีการรักษาระดับการใช้ภาพจากคอมพิวเตอร์ให้น้อยที่สุด และทีมงานก็จะใช้ CG ก็แต่เฉพาะในซีนที่ถ้าถ่ายทำจริงๆ อาจจะเกิดอันตรายต่อแพนด้าได้ เช่น ฉากที่ลูกแพนด้าจะร่วงลงจากหน้าผาในเรื่อง
ในตอนที่การถ่ายทำกำลังจะสิ้นสุดลง ทีมงานต้องเผชิญกับเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวเสฉวนในวันที่ 12 พฤษภาคม ที่วัดความรุนแรงได้ถึงระดับ 8.0 ริคเตอร์ ทีมงานยี่สิบแปดคน ที่กำลังถ่ายภาพทิวทัศน์ในวู่หลงเก็บไว้ ต้องติดอยู่ในภูเขานานสี่วัน ผู้กำกับยู ซองเล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวนี้ว่า พวกเขาอยู่บนเขาบาลางกันในตอนที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างสั่นสะเทือนอย่างแรง และทันใดนั้น ไหล่เขาที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาก็แตกเป็นเสี่ยงและถล่มลงมาตรงที่ที่พวกเขาเพิ่งยืนถ่ายทำไปเมื่อครู่นี้เอง และมันก็กลบรถที่อยู่ใกล้ๆ จนมิด ทีมงานพยายามที่จะเดินเท้ากลับศูนย์วิจัยวู่หลง แต่เมื่อพวกเขาพบว่านอกจากถนนจะใช้สัญจรไม่ได้แล้ว กระแสน้ำในแม่น้ำยังเปลี่ยนไปอีกด้วย พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินย้อนศรไปยังทิศทางตรงกันข้ามจนกระทั่งพวกเขาสามารถกลับไปเฉิงตูได้สำเร็จ
สำหรับศูนย์อนุรักษ์และวิจัยแพนด้ายักษ์แห่งจีน ซึ่งเป็นสมาชิกของยูเนสโก้ แผ่นดินไหวส่งผลที่ร้ายแรงและน่าสะเทือนใจเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่อาคารสิ่งก่อสร้างจะเสียหายมากมาย แต่แพนด้ายักษ์ที่ชื่อเมา เมา ผู้รับบทเป็นแม่ของแพนด้าตัวเอกในเรื่อง ยังสูญเสียชีวิตภายใต้ซากปรักหักพังนั้นด้วย ดังนั้น "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" จึงเป็นเหมือนผลงานชิ้นสุดท้ายของเมา เมา และลูกๆ ในชีวิตจริงของมัน ซึ่งร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ก็กลายเป็นแพนด้ากำพร้าจริงๆ
"Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" ซึ่งกำกับโดยยู ซอง หนึ่งในผู้กำกับรุ่นใหม่ชื่อดังของจีน อำนวยการสร้างและเขียนบทโดยเจนนิเฟอร์ ลิว ซีอีโอบริษัทอิ๋ง ตง มีเดียและจีน ชาโลแปง บทเสี่ยว หลู ตัวเอกของเรื่องรับบทโดยดาราเด็กไดอิจิ ฮาราชิมะ ผู้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมด้วยการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของเขาเมื่อหกปีก่อนที่เขาแสดงประกบเซซิเลีย จุงในภาพยนตร์เรื่อง Lost In Time นอกเหนือจากนั้น แม้ว่าทีมงานส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ ทีมงานสร้างก็ยังได้เรียกใช้งานทีมงานสร้างชั้นแนวหน้าจากทั้งนิวซีแลนด์ แคนาดา อเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส รวมถึงผู้กำกับภาพชาวฮ่องกง โต ลิน เหยา ผู้ซึ่งผลงานของเขารวมถึง "Enter The Phoenix", เซคคอนด์ ชาน ผู้ออกแบบงานสร้างในภาพยนตร์โดยสตีเฟน โชว์เรื่อง "Kung Fu Hustle", กลุ่มครูฝึกสัตว์จากฝรั่งเศส, จอห์น ชีลส์ ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ใน "Lord of the Rings" จากนิวซีแลนด์ และสุดท้ายริชาร์ด ไพรค์ วิศวกรเสียงเจ้าของรางวัลจากอังกฤษ ผู้ได้รับรางวัลออสการ์ในปีนี้จากผลงานในภาพยนตร์เรื่อง "Slumdog Millionaire"
ผลจากแผ่นดินไหวเสฉวนทำให้ "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" กลายเป็นภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียวที่ได้บันทึกภาพของวนอุทยานแห่งชาติวู่หลงที่บัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง อย่างสมบูรณ์ที่สุด ท่ามกลางการสูญเสียชีวิต และความเสียหายมากมายนับไม่ถ้วนต่อสิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่าที่เกิดจากภัยพิบัติครั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเหมือนการเตือนให้รำลึกถึงความสัมพันธ์ที่พึ่งพากันระหว่างมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับและทีมงานทุกคนของภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะอุทิศภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับผู้คนที่งดงามและกล้าหาญของเสฉวน ทีมงานและแพนด้าในศูนย์วิจัยวู่หลง และประชาชนทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือในการบูรณะมณฑลเสฉวนให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง
เกี่ยวกับทีมนักแสดง
ไดอิจิ ฮาราชิมะ เสี่ยว หลู
ไดอิจิ ฮาราชิมะเกิดในปี 1998 ในครอบครัวของคุณพ่อชาวญี่ปุ่นและคุณแม่ชาวจีน เขาถูกค้นพบตอนอายุสามขวบหลังจากที่เขาได้ร่วมแข่งขันประกวดความสามารถในญี่ปุ่น หลังจากกลับประเทศจีน เขาก็ได้แสดงโฆษณาหลายชิ้นก่อนหน้าที่จะได้ร่วมแสดงกับลอเร็ตต้า ลี นักแสดงหญิงชาวฮ่องกงในภาพยนตร์เรื่อง "Happy Mother" เมื่ออายุได้เพียงสี่ขวบ หลังจากโด่งดังจากการแสดงประกบเซซิเลีย จุงใน "Lost In Time" ไดอิจิ ฮาราชิมะก็ไปแสดงในภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเช่น "Superkid" และ "An Empress And The Warriors" ปัจจุบัน ไดอิจิ ฮาราชิมะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกวางโจว ระหว่างการถ่ายทำ "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" เขาเป็นที่อิจฉาของเพื่อนร่วมชั้นทุกคนจากการได้ร่วมแสดงกับแพนด้า แต่น่าเศร้าที่คุณตาของเขาได้จากไปในช่วงนี้เช่นเดียวกัน มันเป็นโศกนาฏกรรมที่ทิ้งบาดแผลลึกไว้ในจิตใจเขา
เฟิง ลี ชายแปลกหน้า
หลังจากที่แสดงในภาพยนตร์เรื่อง "Peacock" กับดาราชาวจีนแผ่นดินใหญ่ จาง จิงชู ในปี 2004 และในภาพยนตร์เรื่อง "The Longest Night In Shanghai" กับจ้าว เหว่ย ในปี 2006 ซึ่งเป็นปีที่เขาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ร่วมทุนสร้างระหว่างจีนและอเมริกาเรื่อง "The Painted Veil" เฟิง ลีก็ได้มารับบทชายแปลกหน้า ผู้ตามหาลูกแพนด้าน้อยใน "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก"
จาง ฉี เล่า เฉิน
ใน "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" จาง ฉี เจ้าของผลงานภาพยนตร์หลากหลายแนว ซึ่งรวมถึง "Public Security Chief 3", "The Lai-Chee Has Ripened" และ "Painted Soul" รับบทเล่า เฉิน ชายภูเขาผู้รับเลี้ยงดูเด็กชายกำพร้าเสี่ยว หลูและช่วยเหลือชายแปลกหน้าในการตามหาลูกแพนด้าน้อย
เมา เมาและลูกน้อยหกตัว แม่แพนด้าและพ่าง พ่าง
เมา เมา ผู้รับบทคุณแม่แพนด้าใน "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" เกิดในปี 1999 และในปีถัดมา มันก็ได้รับการช่วยเหลือมาจากป่าโดยทีมงานของวู่หลง ผู้เลี้ยงดูมันในศูนย์วิจัย หลังจากได้รับชื่อ "เมา เมา" เมื่อมันได้รับการอุปถัมภ์จากเมา อามิน นักร้องชาวจีนแผ่นดินไหวระหว่างที่เธอมาเยี่ยมชมวู่หลง ในปี 2004 มันได้เป็นนางแบบในการพัฒนางานสำหรับมาสค็อทอย่างเป็นทางการสำหรับงานโอลิมปิคที่ปักกิ่ง เมา เมาที่สูญเสียชีวิตในเดือนพฤษภาคมปี 2008 หลังจากที่ร่วมแสดงใน "Trail of The Panda แพนด้าเพื่อนรัก" ได้ไม่นาน ทิ้งลูกๆ ไว้สามตัวที่มีอายุระหว่างสามปีถึงหนึ่งปี โดยที่ลูกที่อายุน้อยสองตัวของมันก็ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
สำหรับบทพ่าง พ่าง ลูกแพนด้าน้อยตัวเอกของเรื่อง ตกเป็นของแพนด้าน้อยๆ หกตัว ผู้มีชื่อว่า อู๋ จุน, อู๋ เจี๋ย, ฮัว หลง, ฮัว โอ, ซิง เตียนและจู ลิน ในบรรดาแพนด้าหกตัวนี้ มีเพียงอู๋ จุนที่ได้รับการตั้งชื่อเล่นว่า "เสี่ยว ชุ่ย" (หนูน้อยรูปหล่อ) ซึ่งไม่เพียงแต่เพราะหน้าตาที่หล่อของมันเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะนิสัยที่ร่าเริงเป็นมิตรของมันอีกด้วย คุณสมบัติทั้งหมดนี้ทำให้มันกลายเป็นดาราแพนด้าที่มีเวลาบนหน้าจอมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไร้ข้อกังขา
ในตอนที่พวกมันเข้าร่วมการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรก แพนด้าน้อยๆ ทั้งหกตัวนี้มีอายุเพียงหกเดือนเท่านั้น แต่ตอนนี้ พวกมันอายุกว่าหนึ่งขวบแล้ว หลังจากแผ่นดินไหว มีเพียงอู๋ จุนที่ยังคงอยู่ที่วู่หลงในสถานพักพิงชั่วคราว ในขณะที่ตัวอื่นๆ ถูกเคลื่อนย้ายไปที่หย่าอานทั้งหมด