x close

ไต่สวนเสร็จ 7 คนไทยนอนคุกต่อ รอประกัน10 ม.ค.

 
 นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ พร้อมคนไทยรวม 7คน ขึ้นศาลเขมร
 
 






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ , ไทยโพสต์ 


          ศาลกัมพูชาไต่สวน 7 คนเสร็จสิ้น แต่ติดวันหยุดยาว ต้องรอขอประกันตัว 10 มกราคม "วีระ" เผยยังไม่ถูกตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหาร ด้าน "ปฐมพงษ์" ยุกองทัพข่มขู่เขมรกลับ ทำเพื่อศักดิ์ศรีไล่ไปขายเต้าฮวย ถ้าไม่ชัดเจนจะพาทหารพิการไปแสดงตัวที่ชายแดน   

          เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ศาลกัมพูชาในกรุงพนมเปญเริ่มต้นไต่สวนคดี 7 คนไทยข้ามแดนโดยผิดกฎหมายตั้งแต่เวลา 08.00 น. หลังคนไทยทั้งหมดถูกจับกุมบริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้วเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553  โดยการไต่สวนเสร็จสิ้นเวลา 19.15 น. 

          การไต่สวนครั้งนี้เป็นการไต่สวนลับ มีเพียงคนไทย 7 คน ทนายความและอัยการกัมพูชาเท่านั้นที่อยู่ในห้องพิจารณาคดี อย่างไรก็ตาม หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ทั้ง 7 คนยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ทำให้ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกต่ออีก เนื่องจากวันที่ 7 มกราคม เป็นวัน  Victory Day Over Genocide วันหยุดของสถานที่ราชการในกัมพูชารวมทั้งศาลด้วย

           โดยทั้ง 7 คนยังถูกตั้งแค่ 2 ข้อหาเหมือนเดิม คือ การรุกล้ำพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต  และการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังมีข่าวตลอดทั้งวันว่า อัยการกัมพูชาเตรียมแจ้งข้อหานายวีระเพิ่มเติม คือ จารกรรมข้อมูลทางทหารซึ่งเป็นหลักฐานที่ได้จากกล้องของนายวีระ

สำหรับคนไทยทั้ง 7 คน ประกอบด้วย

          1. นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์
          2. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น
          3. นายกิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี
          4. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ คนสนิท พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
          5. นางนฤมล จิตรตนา
          6. น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์
          7. นายตายแน่ มุ่งมาจน

          ด้าน พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานองค์กรอุณาโลม และประธานที่ปรึกษาสมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยทหารผ่านศึกประมาณ 100 คน ยื่นข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์

          พล.อ.ปฐมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้รัฐบาลและกองทัพไทยอยู่ในสภาพอ่อนแอ ไม่มียุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งในการปกป้องดินแดน ปล่อยให้สมเด็จฮุน เซน จับคนของเราไป ทั้งที่ดินแดนตรงนั้นไม่ใช่ของกัมพูชา ดังนั้นต้องโทษผู้นำเหล่าทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ไม่เคยออกมาแสดงท่าทีที่เข้มแข็งให้ฮุน เซน เกรงกลัว โดยเฉพาะระหว่างที่ศาลกำลังพิจารณาต้องข่มขู่กลับไปบ้าง หากเอาแต่เจรจาในทางลับเราจะเสียเปรียบตลอด

          "หากทำให้ประเทศมีศักดิ์ศรีไม่ได้ก็ควรจะไปขายเต้าฮวย  เราจะให้เวลารัฐบาลไม่นานนัก หากยังไม่สั่งการทหารให้ชัดเจน ผมจะพาทหารพิการแขนขาขาดไปยังพื้นที่แสดงให้เห็นว่าเราพร้อมปกป้องอธิปไตยไทยแทนประชาชนไทยทั้งประเทศ" พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าว









ศาลกัมพูชาไต่สวน พนิช และหญิงไทยอีก 2 คนเสร็จแล้ว (6 มกราคม)


          ศาลกัมพูชาไต่สวนพนิช และหญิงไทยอีก 2 คนเสร็จสิ้นแล้ว คาดยังไม่มีคำตัดสินวันนี้ อาจยื้อต่อสัปดาห์หน้า เพราะติดวันหยุดกัมพูชาพรุ่งนี้         

          วันนี้ (6 มกราคม) ศาลกัมพูชานำ 7 คนไทย ทั้ง นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์, นายวีระ สมความคิด  พร้อมกับพวก หลังถูกทหารกัมพูชาจับตัวบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ไปยังกรุงพนมเปญเพื่อเข้าสู่กระบวนการศาล

          
โดย นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ศาลกัมพูชาเริ่มไต่สวน 7 คนไทย ในเวลา 08.00 น. โดยทางกระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมให้ทนายความยื่นขอประกันตัว ขณะที่ทางอัยการก็คงนำหลักฐานเข้าต่อสู่คดี ขณะเดียวกัน ก็พร้อมรับเงื่อนไข หากยอมให้ประกันตัวแต่ไม่ให้เดินทางกลับมาประเทศไทย ทั้งนี้เชื่อว่า คดีดังกล่าวจะไม่มีผลต่อเรื่องการกำหนดเขตแดนเพราะมีคณะกรรมการ JBC พิจารณาอยู่แล้ว ทั้งนี้คงต้องติดตามว่า ศาลจะใช้เวลาในการไต่สวนนานเท่าใด

           ขณะที่ นายวีระ สมความคิด มีสีหน้าเป็นกังวลขณะเดินเข้าศาล  สำหรับญาติของผู้ต้องหาที่เดินทางไปสังเกตการณ์นั้นมีเพียงมารดาของ นายวีระ และญาติของผู้หญิงไทยที่ถูกจับกุมในคณะนี้ด้วยเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ เข้าไปดูแลด้วย  สำหรับ นายวีระนั้น ส่อเค้าว่าจะถูกอัยการ แจ้งข้อหาจารกรรมความลับทางทหารเพิ่มอีกด้วย

          ทั้งนี้ ล่าสุดศาลกัมพูชาได้ทำการไต่สวน นายพนิช และผู้หญิงไทยอีก 2 คนที่ร่วมคณะไปด้วยเสร็จแล้ว ซึ่งมีการไต่สวนทีละคน คาดว่าจะยังไม่มีการตัดสิน เพราะเป็นขั้นตอนของการไต่สวนเพิ่ม ที่ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอนของการพิจารณาคดี ส่วนจะยืดเยื้อออกไปเป็นสัปดาห์หน้าหรือไม่นั้น คงต้องรอคำสั่งศาลว่าจะออกมาอย่างไร เนื่องจากติดวันหยุดยาวของกัมพูชาในวันพรุ่งนี้ (7 มกราคม)

          ขณะที่การพิจารณาคดีนั้น ศาลกัมพูชาได้ตั้งข้อหา 7 คนไทย 2 ข้อหา คือ การรุกล้ำพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 6 - 12 เดือน หรือ ปรับเงิน 7,500 - 15,000 บาท  และการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมีโทษจำคุก 3 - 6 เดือน และให้เนรเทศออกนอกประเทศ

          สำหรับบรรยากาศที่กัมพูชานั้น ไม่อนุญาตให้ญาติ สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ของสถานทูตเข้าไปภายศาลได้ สำหรับญาตินั้น ได้พบกับกลุ่ม 7 คนไทย ขณะถูกนำตัวขึ้นศาลเท่านั้น และขณะนี้ได้กลับไปรอที่โรงแรมแล้ว เพื่อรอฟังคำสั่งศาลหลังได้ยื่นขอเข้าเยี่ยม 

           ด้าน พล.ต.นพดล โชติศิริ รองเจ้ากรมแผนที่ทหาร กล่าวว่า การวัดพิกัดสำรวจพบว่า จุดที่คณะของนายพนิชถูกจับกุมอยู่ที่หน้าซุ้มประตูวัดโจ๊กเจีย ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างจากหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 เข้าไปในประเทศกัมพูชา 55 เมตร และอยู่ก่อนถึงทางเข้าวัดโจ๊กเจียประมาณ 350 เมตร ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่จะอยู่ระหว่างการหาข้อยุติเรื่องการปักปันเขตแดน โดยชั้นต้นอยู่ในขั้นสำรวจปักปันเขตแดน  การที่กลุ่มคนไทยเข้าไปในพื้นที่อาจเกิดขึ้นได้โดยน่าจะเป็นเข้าใจผิด

           ส่วน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า การที่รัฐบาลยอมรับว่า 7 คนไทยรุกล้ำ ไม่ได้หมายความว่ายอมรับการปักปันพื้นที่ดังกล่าว ต้องแยกกันระหว่างเรื่อง  7 คนไทยถูกจับกับเรื่องเขตแดน ส่วนการต่อสู้คดีทางทูตยืนยันว่ากัมพูชาได้ดูแล 7 คนไทยเป็นอย่างดี แต่เราต้องเข้าใจระบบศาลกัมพูชาว่าเป็นแบบไต่สวน และต้องว่าจ้างทนายกัมพูชา จึงขึ้นอยู่ที่ 7 คนไทยว่าจะปฏิบัติตามคำแนะนำของทนายอย่างไร ส่วนผลจะออกมาอย่างไรกระทรวงการต่างประเทศพร้อมเข้าไปดูแล

           ทางด้าน นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์นี้อาจมีผลต่อข้อต่อสู้ในการเจรจาเรื่องดินแดนในอนาคต ถ้าหากเราขอตัวคนไทยกลับมาโดยยอมรับคำพิพากษาจะเกิดปัญหาทันที เพราะพื้นที่จุดนั้นยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน กรณีนี้ถ้าพลาดก็จะคล้ายกรณีเขาพระวิหาร วิธีแก้ควรให้อาเซียนเข้ามาช่วย โดยเจรจาแบบเงียบๆ ลับๆ ก่อนในเบื้องต้น สำคัญคือต้องพูดความจริงกับทุกฝ่าย




 คลิปพนิช วิกิตเศรษฐ์
พนิช วิกิตเศรษฐ์
พนิช วิกิตเศรษฐ์

พนิช วิกิตเศรษฐ์
พนิช วิกิตเศรษฐ์


เผย พนิช วิกิตเศรษฐ์ เปลี่ยนจุดไปหลังแจ้ง นายกฯ (5 มกราคม)

           ปณิธาน ชี้ พนิช บอกนายกฯ จะไปปราจีนฯ แต่กลับเปลี่ยนจุด ระบุต้องพิสูจน์จุดถูกจับให้ชัดเจน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ยอมให้ม็อบเข้าพื้นที่พิสูจน์หลักเขต 46 จุดทหารกัมพูชาจับกุม 7 คนไทยแล้ว ส่งตัวแทนพร้อมสื่อรวม 30 คน

          วานนี้ (4 ม.ค.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ พูดในคลิปว่า ได้รายงานการเดินทางเข้ามาครั้งนี้ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทราบเพียงคนเดียว ว่า นายพนิชได้รายงานให้นายกฯ ทราบจริง แต่บอกว่าจะเดินทางไปชายแดน จ.ปราจีนบุรี ไม่ได้บอกว่าจะไปยังจังหวัดอื่น หรือเดินทางเข้ากัมพูชา เพราะหากเป็นเช่นนั้นนายกฯ คงไม่อนุญาตให้ไป ส่วนภาพที่ปรากฎในคลิปนั้น ไม่แน่ใจว่า นายพนิชทราบหรือไม่ว่า เป็นพื้นที่ของกัมพูชา

          โฆษกรัฐบาล กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีการล้ำแดนเกิดขึ้นเล็กน้อยนั้น ระดับผู้นำประเทศเคยคุยกันแล้วว่า จะไม่ส่งตัวเข้ากระบวนการยุติธรรม แต่จะใช้วิธียืดหยุ่นแทน ตามปกติเมื่อคนธรรมดารุกล้ำพื้นที่ทั้งถนนสาย K-5 และถนนศรีเพ็ญ ก็จะมีการประสานงานกับผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านแถบนั้น แต่สำหรับกรณีนี้ ทางกัมพูชาอาจจะเห็นว่า มีบุคคลบางคนในคณะเคยก้าวล่วงเข้าไปในพื้นที่หลายครั้งแล้ว จึงไม่ยอมปล่อยตัวกลับ

          อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดว่า จุดที่คนไทยถูกจับกุมอยู่ตรงไหน เพราะเป็นไปได้ว่า จุดที่พบกับเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา กับจุดที่ถูกควบคุมตัวเป็นคนละจุดกัน หากตรวจสอบพบว่า จุดที่ถูกควบคุมตัวอยู่ใกล้ชายแดนไทย การช่วยเหลือก็จะง่ายขึ้น




เขมรจับคนไทย


          ขณะที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ปักหลักชุมนุมกันอยู่หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว นั้น เมื่่อช่วง 09.00 น.ที่ผ่านมา แกนนำพร้อมด้วยมวลชนส่วนหนึ่ง ได้เคลื่อนขบวนจากที่บริเวณหน้าพระสยามเทวธิราช มุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยแวะเข้าแยกป่าไร่ ซึ่งเป็นถนนเข้าสู่ถนนศรีเพ็ญ ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จนกระทั่งถึงที่บริเวณฐานของ ตชด.126 ที่ตำบลป่าไร่ แต่มีเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจตระเวนชายแดนออกมาสกัดกั้นพื้นที่ พร้อมทั้งขอให้รอเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วก่อน โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าผู้ว่าฯ สระแก้ว มาผิดเวลา ส่วนเจ้าหน้าที่เองก็ได้มีการยืนยันว่า ผู้ว่าฯสระแก้ว ได้มีการประสานขอเลื่อนเวลาออกมาแล้ว แต่ขบวนไม่ได้หยุดรอผู้ว่าฯสระแก้ว

          ด้านชาวบ้าน ต.โนนหมากมุ่น เมื่อทราบว่า มีขบวนเดินทางมาถึงจุดดังกล่าว ก็ได้นำรถบรรทุกอ้อยและรถบรรทุกดินออกมาเตรียมสกัดกั้น ซึ่งห่างจากบริเวณจุดของขบวนเพียงแค่ 1 กิโลเมตร โดยไม่ต้องการให้ขบวนเดินทางรุกล้ำเข้าไป

          ทางด้าน นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนไทยรักชาติ เคลื่อนขบวนไปยัง ถ.ศรีเพ็ญ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยไม่รอการเจรจากับตนว่า ตนขอความกรุณาให้ผู้ชุมนุมเดินทางไปอยู่ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูงก่อน เพราะจะสามารถดูแลความสงบได้ อีกทั้งจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกับประชาชนที่ ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง ได้เช่นกัน เพราะห่างกันกว่า 20 กิโลเมตรและจะใช้วิธีการเจรจากันก่อน รวมทั้งใช้วิธีการให้เกิดความสงบอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามก็เห็นว่า ผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามคำสัญญาสภาพบุรุษ ที่หารือกันไว้เมื่อวานนี้ และยืนยันว่าตนไม่มีเล่ห์เหลี่ยม

          ขณะที่ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าวว่า ขณะนี้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ไว้พอสมควร เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเผชิญหน้ากัน อีกทั้งเห็นว่า การชุมนุมไม่มีความเหมาะสมที่จะเดินทางไปยังบริเวณดังกล่าว เพราะไม่สามารถกำหนดจุดใดได้เอง และประชาชนก็ไม่อยากให้เข้าไปในพื้นที่ เนื่องจากจะสร้างความเดือดร้อน

          ต่อมา หลังจากการเจรจานานร่วม 4 ชั่วโมง นายศานิตย์ นาคสุขศรี และพล.ต.วลิต โรจนภักดี ได้ยอมให้กลุ่มเครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติส่งตัวแทน และสื่อมวลชนรวม 30 คน เดินทางเข้าไปพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในพื้นที่แนวชายแดนบ้านหนองจาน อำเภออรัญประเทศ พื้นที่บริเวณหลักเขต 46 จุดที่ทหารกัมพูชาจับกุม7คนไทยแล้ว โดยให้เวลาเดินทางเข้าไปยังจุดดังกล่าวเพียง 30 นาที เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

 

 

เขมรจับคนไทย




ศาลสั่งจำคุก พนิช และพวก คนละ 1 ปี 4 เดือน (4 มกราคม)

          จากกรณีที่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพ มหานคร (กทม.) พรรคประชาธิปัตย์, นายวีระ สมความคิด กับพวก 5 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมบริเวณ อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และถูกนำตัวไปขึ้นศาลพนมเปญ ฐานเข้าเมืองผิดกฎหมายและบุกรุกพื้นที่ทหาร โดยไม่ได้รับอนุญาตกลับประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่แสดงตัวว่าเป็น ส.ส.มาตรวจสอบพื้นที่ แต่ทหารกัมพูชาไม่ฟัง อีกทั้งทางการกัมพูชายังได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ พนิช วิกิตเศรษฐ์ ขณะเดินเท้าเข้าไปในดินแดนที่กัมพูชา โดยในคลิปวีดีโอดังกล่าว มีเสียง พนิช วิกิตเศรษฐ์ ขณะกำลังโทรศัพท์รายงานความคืบหน้ากับคนสนิทนั้น

          ล่าสุดวันนี้ (4 มกราคม) ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ นายวีระ สมความคิด กับพวก 5 คน รวมทั้งหมด 7 คนไทย คนละ 1 ปี 4 เดือน ในความผิดฐานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย-บุกรุกสถานที่ราชการ พร้อมกับนัดไต่สวน 7 คนไทย 6 มกราคมนี้ คาด 1-2 วันรู้ผล

          ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในรายการคุยนอกทำเนียบ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 ว่า ขอยืนยันว่าคณะของนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และพวกอีกรวม 7 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมไปนั้น ไม่มีเจตนาจะบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว แต่ก็ยอมรับว่าในพื้นที่กิโลเมตรที่ 46 ใกล้กับบริเวณที่ 7 คนไทยถูกจับตัวไปนั้น ยังเป็นพื้นที่ที่เป็นปัญหา

          ทั้งนี้ ทางรัฐบาลไทยเตรียมจะส่งทนายความ เพื่อขอยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวคนไทยทั้ง 7 คน ภายหลังศาลกัมพูชานัดไต่สวนคดีในวันที่ 6 ม.ค. นี้

          ส่วนเรื่องคลิปที่มีนายพนิช พูคคุยกับบุคคลอื่นและพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรีนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแสดงความมั่นใจว่า เป็นการตัดต่ออย่างแน่นอน เพราะคลิปฉบับจริงมีความยาวกว่าที่คลิปที่นำมาเผยแพร่

         
ก่อนหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงกรณีกัมพูชาควบคุมตัว 7 คนไทย หลัง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบ โดยย้ำว่า รัฐบาลจะพยายามให้ความช่วยเหลือให้กลับมาโดยเร็วที่สุด โดยใช้การประสานงานทุกช่องทางและจะไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย  ทั้งนี้จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการประสานตรงไปยัง สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา เพราะเชื่อว่ายังสามารถประสานในระดับเจ้าหน้าที่ได้

         
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า 7 คนไทย ยังไม่มีเจตนาในการรุกล้ำพื้นที่กัมพูชา โดยหากดูจากคลิปภาพทั้งหมดที่มีความยาวกว่า 20 นาที และ 4 นาที เชื่อว่ายังอยู่ในประเทศไทย แต่คลิปกว่า 1 นาที ที่เผยแพรในเว็บไซต์ขณะนี้ เป็นการตัดต่อบางส่วนที่ลดทอนคำพูดของ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าทั้ง 7 คน มีเจตนารุกล้ำพื้นที่กัมพูชา

         
อย่างไรก็ตาม จากนี้เจ้าหน้าที่จะอยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาพิกัดที่ชัดเจน ว่าจุดที่ถูกจับกุมคือบริเวณใด เพื่อนำมาเป็นข้อต่อสู้คดี เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังมีปัญหาเรื่องการปักปันเขตแดนที่ยังไม่ได้ข้อยุติ และระหว่างนี้กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทนายความดูแลแล้ว

         
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ยังขอร้องกลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน ให้ระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย โดยอยากให้สังคมร่วมตัวกันมีเป้าหมายในการช่วยเหลือคนไทยและปกป้องอธิปไตย นอกจากนี้ จะมีการตรวจสอบด้วยว่า การเดินทางไปของคณะคนไทยจึงไม่พบกับตำรวจตระเวนชายแดน เพราะได้รับการยืนยันจาก นายพนิช ว่า ตามเส้นทางที่ผ่านมาไม่พบเจ้าหน้าที่

         
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยอมรับว่าส่ง นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ไปดูปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา จนถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัว แต่จะมีการแถลงรายละเอียดอีกครั้งหลังการประชุมเสร็จในช่วงบ่าย อีกทั้งยังระบุว่า นายพนิช ได้โทรศัพท์มาบอกว่าจะลงพื้นที่บริเวณแนวชายแดน ก่อนที่จะถูกทางการกัมพูชาจับกุม ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (4 มกราคม)

          ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีคลิป นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ เผยแพร่ทางเว็บไซต์ว่า คงต้องรอให้ได้ข้อมูลทั้งหมดครบมากกว่านี้ ทั้งภาพและเสียง เพราะคลิปดังกล่าวเป็นบทสนทนาเป็นช่วง ๆ ในส่วนของการเข้าไปช่วยเหลือนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เข้าไปร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม ประสานงานกันเพื่อช่วยเหลือ และคงต้องรอดูท่าทีของศาลกัมพูชาว่าจะออกมาอย่างไร ในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่มีแผนที่จะเดินทางไปยังกัมพูชาแต่อย่างใด



สุเทพ เทือกสุบรรณ

          ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ระบุยังไม่ได้ดูคลิปของ 7 คนไทย ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุม พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาได้มีความพยายามประสานกับทางกัมพูชา เพื่อให้ปล่อยตัว 7 คนไทย และขณะนี้เห็นว่าไม่มีวิธีใดในการแก้ปัญหานอกจากการเจรจา โดยเฉพาะกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์อันดีของ 2 ประเทศ ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ โดยได้ย้ำว่าการเจรจาต้องยึดหลักในข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะขอเป็นตัวกลางช่วยประสานในการปล่อยตัว 7 คนไทยนั้น นายสุเทพ ไม่ขัดข้อง แต่ขอพิจารณาก่อน และขณะนี้เห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องให้อาเซียนช่วยเจรจา เพราะถือเป็นเรื่องของ 2 ประเทศ

          ในส่วนของ นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เดินทางมาที่จังหวัดสระแก้วตั้งเมื่อคืนนี้แล้ว และรวมตัวอยู่ที่ตลาดเทศบาล 2 ห่างตลาดโรงเกลือกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงได้เจรจากับแกนนำ ว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจไม่ปลอดภัยเพราะเป็นตลาดร้าง โดยให้ย้ายให้ไปชุมนุมที่สวนกาญจนาภิเษกแทน เพราะเจ้าหน้าที่สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางกลุ่มก็ยินยอม และคาดว่าจะย้ายช่วงเช้านี้  ขณะเดียวกัน ก็ไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปยังบริเวณชายแดน เพราะต้องได้รับการอนุญาตจากกองกำลังบูรพา เนื่องจาหใกล้ชายแดนมาก ห่างถนนศรีเพ็ญ แค่ 100 กิโลเมตรไม่มีสิ่งกีดขวางที่ชัดเจน จึงเสนอขอให้ส่งตัวแทนเข้าไป ตนจะประสานกองกำลังบูรพา และกับฝ่ายกัมพูชาให้ หากต้องการเข้าไปดูจุดเกิดเหตุ

          นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ยังกล่าวด้วยว่า ข้อต่อสู้กับกัมพูชา เรื่องพลัดหลงคงใช้ไม่ได้แล้ว เพราะกลุ่มของ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ทราบดีว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตของกัมพูชา และการที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติออกมาชุมนุมกดดัน ยิ่งทำให้เจรจาช่วยเหลือได้ยาก ขณะที่สถานการณ์ชายแดน ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชายังดีเช่นเดิม มีการพึ่งพาอาศัยกัน แต่คนภายนอกไม่เข้าใจ ส่วนคนในพื้นที่รวมตัวต่อต้านกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาตินั้น เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุม จะทำให้คนในพื้นที่เดือดร้อน ขณะที่แกนนำได้รับปากว่าจะปักหลักชุมนุม 2 วัน

          ด้าน พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึง ความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวว่า ในส่วนของกองทัพ ทางผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการระดับสูงหลายท่าน ได้มีความเป็นห่วง โดยในขณะนี้ได้กำชับให้ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 20 เข้าดูแลพื้นที่ ซึ่งยังไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น สำหรับการที่ตัวแทนของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ขอเข้ามาตรวจสอบยังบริเวณที่ 7 คนไทย เข้ามานั้น ต้องขึ้นอยู่กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดว่าจะมีการพิจารณาอย่างไร แต่ในส่วนตัวแล้วคิดว่าจุดที่จะเข้าไปนั้น เป็นระหว่างชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ จึงไม่อยากให้เข้าไป เพราะเกรงถึงปัญหาที่จะตามมา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับ จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

         
สำหรับบรรยากาศกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ บริเวณตลาดเทศบาล 2 เริ่มการปราศรัยตั้งแต่เวลา 8.00 น. ที่ผ่านมา โดยไม่ยอมรับข้อเสนอของทางจังหวัด ที่ทางจังหวัดขอให้เดินทางย้ายไปปราศรัย ที่ศูนย์กาญจนาภิเษก ซึ่งหากออกไปอีก 2 กิโลเมตร และไม่สนใจในเรื่องของเส้นทางเศรษฐกิจ ที่จะเข้าสู่ตลาดโรงเกลือ ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการส่งแกนนำเพื่อขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ในการเข้าดูพื้นที่หลักเขตที่ 46 ของอำเภอโคกสูง

          โดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หนึ่งในแกนนำ เปิดเผยว่า ตนเองยังเชื่อมั่นว่าคนไทยทั้ง 7 คน ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งยึดหลักฐานจาก น.ส.3ก. ว่าทิศไต้ติดกับหลักเขตที่ 46 โดยไม่สนใจหลักฐานของกระทรวงการต่างประเทศ หรือคลิปต่าง ๆ ที่ทางกัมพูชาได้เผยออกมา พร้อมย้ำเตรียมเคลื่อนพลในช่วงเวลา 14.00 น. เพื่อเข้าไปดูหลักเขตที่ 46 ของ อ.โคกสูง ต่อไป

          อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตในพื้นที่กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ยังไม่พบคนในพื้นที่เข้าร่วมมากนัก มีเพียงการสังเกตการณ์ และดูหลักฐานจากความเป็นจริงอยู่ ส่วนทางด้านกองกำลังบูรพา ยังได้มีการส่งเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ พร้อมตรวจเส้นในพื้นที่ของถนนเลียบชายแดน ถนนศรีเพ็ญ อย่างเข้มงวด



ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต


เขมรแพร่ คลิปพนิช วิกิตเศรษฐ์ บุกรุกพื้นที่ (3 มกราคม)

          ทางการกัมพูชาได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ พนิช วิกิตเศรษฐ์ ขณะเดินเท้าเข้าไปในดินแดนที่กัมพูชา โดยในคลิปวีดีโอดังกล่าว มีเสียง พนิช วิกิตเศรษฐ์ ขณะกำลังโทรศัพท์รายงานความคืบหน้ากับคนสนิท มีใจความว่า...ฮัลโหลคิวเหรอ ได้ยินไหม ชัดไหม เผื่อสัญญาณขาด โทรไปบอกสมเกียรติเลขาท่านนายกฯ หน่อยนะ บอกว่าเราข้ามมาที่เขตกัมพูชาแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรจะได้ประสานเข้ามา เพราะเราเข้ามาในพื้นที่กัมพูชาแล้ว แต่อย่าให้ใครรู้นะ เพราะมีนายกฯรู้อยู่คนเดียว

          ทางด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือเต็มที่ แต่ช่วงนี้ยังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะติดวันหยุดปีใหม่ ขณะที่ครอบครัวของ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ จะได้เข้าเยี่ยมในเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (3 มกราคม) สำหรับความเป็นอยู่ของทั้ง 7 คน ยังมีความเป็นอยู่ที่ปกติดีอยู่ โดยกระทรวงได้เข้าไปดูแลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าให้


เขมรจับคนไทย

          ทั้งนี้ นายชวนนท์ ยังได้เรียกร้องไปยังกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่เตรียมบุกจังหวัดสระแก้ว เพื่อกดดันกัมพูชา ให้หยุดการชุมนุม เพราะจะส่งผลเสียต่อการเจรจาให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากกัมพูชาจะมองว่าไทยกำลังใช้การเมืองกดดัน โดยขณะนี้ต้องยึดเรื่องการช่วย 7 คนไทย เป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องการพิสูจน์เขตแดนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีคณะกรรมการเจรจาอยู่แล้ว เพราะการพิสูจน์ต้องใช้เวลานานเป็นปี ซึ่งการที่ 7 คนไทย ถูกจับไม่ได้หมายความว่าไทยต้องเสียดินดิน

          อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายชวนนท์ ระบุภรรยา นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ พร้อมครอบครัวของทั้ง 7 คนไทย ได้เดินทางเข้าเยี่ยมที่เรือนจำเพรย์ซอว์ กรุงพนมเปญแล้ว โดยใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดยังคงมีความเป็นอยู่ปกติดี โดยขณะนี้ทางการไทยยังไม่ได้ยื่นประกันตัว เพราะต้องรอให้มีการขขึ้นศาลก่อน และไม่แน่ใจว่าในวันพรุ่งนี้ (4 มกราคม) ทางการกัมพูชาจะนำ 7 คนไทย ขึ้นศาลหรือไม่

          ขณะที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ นายการุณ ใสงาม ที่ปักหลักชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือ 7 คนไทย บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ได้เคลื่อนขบวน ไปยังจังหวัดสระแก้ว ในเวลา 12.09 น. ซึ่ง นายไชยวัฒน์ กล่าวระบุก่อนออกเดินทางว่ากระบวนการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ขณะนี้ถือว่าจบลงแล้ว เราได้ให้เวลารัฐบาลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งนายกรัฐมนตรีกลับพาครอบครัวไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด แต่ 7 คนไทยยังติดคุกอยู่ในกัมพูชา ทำให้เราจำเป็นต้องมีการยกระดับการเคลื่อนไหวปกป้องแผ่นดินไทย เพื่อให้ 7 คนไทยได้กลับมาประเทศไทยโดยสวัสดิภาพเร็วที่สุด

          ซึ่งพวกเราจะเคลื่อนไปยังพื้นที่ที่ทั้ง 7 คนถูกจับกุม เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เนื่องจากมั่นใจว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะได้ข้อมูลมาว่า รมว.กลาโหมของไทย ติดต่อไปยังนายพลคนหนึ่งของกัมพูชา เพื่อให้จับกุมคนไทยทั้งหมด แต่เผอิญว่ามี ส.ส.ประชาธิปัตย์ร่วมอยู่ด้วย จึงได้พยายามติดต่อเจรจาขอให้ปล่อยตัว ส.ส.ประชาธิปัตย์อย่างเดียว ถือเป็นความไม่จริงใจของรัฐบาล พวกเราจึงต้องออกมาเคลื่อนไหว โดยจะไปตั้งเวทีปราศรัยและพักค้างคืนที่ตลาดเทศบาล 2 ห่างจากตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ ประมาณ 500 เมตร จากนั้นวันที่ 4 มกราคม เวลา 12.00 น.จะทำพิธีบวงสรวง และเดินทางเข้าไปบริเวณเขตแดนที่ 46 ถนนศรีเพ็ญ ในเวลา 14.00 น.

          ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านในพื้นที่ อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว กว่า 500 คน ใช้รถอีแต็ก-อีแต๋น พร้อมด้วยรถกระบะและรถยนต์ 6 ล้อ รวมกว่า 80 คัน มาชุมนุมกันที่หน้าที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อคัดค้านพร้อมสกัดกั้นกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่จะเดินทางมาประท้วงกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับความเดือดร้อนจากปัญหา 7 คนไทยที่ถูกทหารเขมรจับ เนื่องจากกองกำลังบูรพาสั่งปิดช่องทางชายแดน นอกจากนี้ ยังสั่งห้ามรถยนต์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องวิ่งเข้าถนนศรีเพ็ญ ซึ่งเป็นถนนเลียบแนวชายแดน ทำให้ชาวไร่อ้อยและชาวนาในพื้นที่เดือดร้อน ไม่มีแรงงานเขมรเข้ามารับจ้าง พร้อมย้ำว่าในพื้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาเป็นไปอย่างดี แต่คนนอกพื้นที่กลับจะมาสร้างความเดือดร้อน

          ทางด้าน นายถนัด ตัดพุดซา แกนนำกลุ่มคนโคราชหัวใจรักชาติ เปิดเผยว่า ตัวแทนกลุ่มคนโคราชหัวใจรักชาติ ประมาณ 1,500 คน พร้อมการ์ดจากสภาประชาชน 4 ภาค อีก 300 คน ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมที่ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ เพื่อทวงคืนแผ่นดินไทยร่วมกับกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติจากทั่วประเทศ และจะไม่มีกำหนดวันกลับจนกว่าทางรัฐบาลกัมพูชาจะปล่อยตัว 7 คนไทย และคืนดินแดนของไทยที่กัมพูชายึดไปกลับมา ทั้งนี้ หากกัมพูชายังเพิกเฉย กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะมีมาตรการกดดันขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นเตรียมปิดด่านชายแดนในเขต อำเภออรัญประเทศ ทั้งด่านถาวรและด่านพิเศษชั่วคราวทุกจุด

          ทั้งนี้ ทางฝั่งบ้านหนองจาน จังหวัดปันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามจุดเกิดเหตุ มีทหารกัมพูชาจำนวนมากประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ โดยแหล่งข่าวทหารกัมพูชา ระบุมีการระดมกำลังพลที่ลาพักและลาหยุดกลับกองพัน เพื่อส่งไปประจำจุดป้องกันตลอดแนวชายแดนติดกับประเทศไทย เพื่อรับมือกลุ่มคนไทยที่จะมาประท้วงบริเวณชายแดน อีกทั้งผู้บังคับบัญชายังกำชับ ห้ามให้คนไทยบุกรุกเข้ามาในพื้นที่กัมพูชา หากฝ่าฝืนให้จับตัวทั้งหมด


อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ


          ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาว่า มีเป้าหมายที่ไม่ต้องการเห็นความตึงเครียด แต่เข้าใจว่าแต่ละประเทศต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งต้องไม่นำเอาประเด็นการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก มาเป็นปัญหา ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับทางการกัมพูชา ให้คนที่รับผิดชอบมาพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความตึงเครียดในการประชุมมรดกโลก ในเดือนมิถุนายนนี้

          นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยด้วยว่า ในช่วงเดือนมกราคมนี้ นายซก อัน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางมาพูดคุยกับ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขณะที่ตนเองนั้น ก็จะมีโอกาสที่จะพบกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในเวทีการประชุมระดับอาเซียนต่อไปด้วย





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
                 และ youtube.com โพตส์โดย 2011galet

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไต่สวนเสร็จ 7 คนไทยนอนคุกต่อ รอประกัน10 ม.ค. อัปเดตล่าสุด 7 มกราคม 2554 เวลา 08:42:44 138,034 อ่าน
TOP