น้องฟิวส์ เด็กชายยอดกตัญญู เปิดใจ หลังช่วยแม่ขายขนมหลังเลิกเรียน เผยภูมิใจที่ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ ลั่นไม่อายที่ยืนขายขนม
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดี ๆ ที่โลกออนไลน์กำลังให้ความสนอย่างมากในขณะนี้ สำหรับเรื่องราวของ น้องฟิวส์ เด็กนักเรียนยอดกตัญญู ที่ออกมายืนขายขนมใส่ไส้ช่วงหลังเลิกเรียน บริเวณป้ายรถประจำทาง ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ท่าพระ ถนนรัชดา-ท่าพระ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี เพื่อหารายได้ช่วยครอบครัว ที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2558 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV ก็ได้คว้าตัวน้องฟิวส์ หรือ เด็กชายชาคร เติมบริรักษ์ อายุ 13 ปี และคุณแม่ของน้องฟิวส์ คือ นางสาวทัศนีย์ เติมบริรักษ์ อายุ 43 ปี มาร่วมพูดคุยในรายการ ถึงเรื่องราวความเป็นมารวมทั้งสาเหตุที่ทำให้เด็กชายวัย 13 ปี ต้องออกมายืนขายขนมอย่างที่เป็นข่าว
โดยเมื่อถามน้องฟิวส์ว่ารู้หรือไม่ว่าภาพของตัวเองที่ถูกแชร์อยู่ในขณะนี้ ถ่ายโดยนักร้องหนุ่มเสียงดีอย่าง บอย พีซเมคเกอร์ น้องฟิวส์ตอบว่าตนเพิ่งรู้ตอนที่พี่สาวเอาภาพมาให้ดู ขณะที่คุณแม่ทัศนีย์เผยว่า อาชีพของครอบครัว คือการขายขนมใส่ไส้ และตนมีลูกทั้งหมด 3 คน โดยพี่คนโตอายุ 19 ปี เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว จึงไปทำงานพาร์ทไทม์ ส่วนคนกลางอายุ 17 ปี และน้องฟิวส์ อายุ 13 ปี โดยน้องฟิวส์จะถือถุงขนมใส่ไส้เต็มมือทั้งสองข้าง ถุงละ 50 ห่อ ขายที่บริเวณป้ายรถประจำทาง ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ท่าพระ เพิ่งมาเริ่มขายที่เดอะมอลล์ได้ไม่กี่เดือน ในวันพุธและวันเสาร์ ส่วนวันปกติจะขายที่บางขุนศรี
ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนเห็นน้องฟิวส์ต้องใช้มือทั้งสองข้างหิ้วถุงขนมใส่ไส้ คุณแม่ทัศนีย์ เผยว่า ตอนแรกได้ให้น้องฟิวส์ใช้ตะกร้าใบเล็ก ๆ ไปใส่แล้ว แต่น้องฟิวส์ไม่ใช้เพราะบอกว่าถ้าเอาวางที่พื้นแล้วมันน่าเกลียด กลัวว่าคนมองไม่ดี สำหรับขนมใส่ไส้ทั้งหมดเป็นขนมของเพื่อนซึ่งตนรับมาขายอีกที และยังบอกอีกว่าตนและลูกทั้ง 3 คน ต้องช่วยกันทำมาหากิน
ทั้งนี้คุณแม่ทัศนีย์ เล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้ขณะที่น้องฟิวส์อยู่ประมาณชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 น้องฟิวส์เป็นเด็กที่ติดเกมอย่างมาก เพราะว่าเล่นตั้งแต่เช้ายันเย็นทั้งยังส่งผลถึงการเรียนทำให้เรียนไม่รู้เรื่องและการเรียนตกมาก ทั้งยังนำเงินที่เอาไว้ซื้อข้าวไปเล่นเกม โดยตัวเองยอมทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียงห่อเดียว จนตนกลุ้มใจมากว่าและปรึกษากับลูกสาวจะทำอย่างไรดี บวกกับตอนนั้นมีป้าที่ขายขนมใส่ไส้ไม่สบายแล้วไม่มาขาย จึงไปขอขนมใส่ไส้มาขายบ้างและให้น้องฟิวส์เป็นคนขาย ตนยอมรับว่าตอนแรกก็กลัวลูกจะอายเพราะเป็นเด็กผู้ชายด้วย แต่อยากให้ลูกเลิกเกมจึงบังคับให้น้องฟิวส์ช่วยแม่ขายของ
"ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าต้องขายขนมใส่ไส้ คือ ไม่รู้ตัวมาก่อนเลย งง นิด ๆ ตอนแรกก็อายมากเลยและไม่กล้าเดินเพราะมีแต่คนมอง แต่แม่บอกว่าที่คนมองเพราะคนอื่นชื่นชมเราและให้ตะโกนไปดัง ๆ ว่า "ขนมใส่ไส้ไหมครับ" และทุกหลังเลิกเรียนทุกวันผมจะต้องขายขนมใส่ไส้ตอน 17.00 น." น้องฟิวส์กล่าว
นอกจากนี้คุณแม่ทัศนีย์ ยังเล่าอีกว่า ที่ให้ลูกช่วยกันขายของเพราะครอบครัวไม่ได้มีเงินมาก รวมทั้งทุกเช้าต้องจ่ายเงินให้กับลูก ๆ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทำให้ทุกคนในบ้านต้องทำงานช่วยกัน แรก ๆ ที่น้องฟิวส์ไปขายก็ขายดีมากเพราะน้องเป็นคนตัวเล็ก 6 ห่อ 20 บาท ในเวลาครึ่งชั่วโมง
แต่ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องดีเสมอไป เพราะน้องฟิวส์เล่าว่าเคยถูกโกง โดยมีคนอ้างว่ามาซื้อขนมใส่ไส้จำนวน 50 ห่อ แล้วหลอกว่าจะให้เงิน 500 บาท แต่ตนต้องให้เงินที่มีติดตัวทั้งหมดให้กับเขาก่อน ด้วยความดีใจที่มีคนมาสั่งซื้อขนมจำนวนมากจึงยอมควักเงินทั้งหมดให้ไป ซึ่งเขาบอกอีกว่าให้เราไปเอาเงิน 500 บาทที่ตกลงกันไว้ที่ป้าร้านขายของ ซึ่งตนก็หลงเชื่อ สุดท้ายก็ไม่ได้เงิน 500 บาท แถมยังต้องเสียทั้งเงินและขนม ประมาณ 600 กว่าบาทอีกด้วย โดยขณะนั้นตนเพิ่งเริ่มขายของและอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
"ถ้าถามว่าตอนนี้อายไหมที่ต้องมาขายขนมช่วยแม่ คิดว่าไม่อาย เพราะอาจะชินหรือไม่ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ช่วยแม่ เพราะแม่เหนื่อย และตอนนี้ก็ขายคนเดียวทั้งหมด 700 ห่อ โดยช่วงเช้าวันเสาร์จะขายที่สีลม และอยากบอกทุกคนที่จะขายของว่าอย่าไปอาย ให้คิดว่าว่าแม่กำลังมองเราอยู่ ทั้งยังมีคนมาชมเราอีกด้วยก็รู้สึกดีใจมากทำให้มีกำลังขาย" น้องฟิวส์กล่าว
ในส่วนของคนที่สงสัยว่าต้องขายของในขณะที่กำลังเรียนอยู่นั้นจะกระทบถึงการเรียนหรือเปล่า ซึ่งคุณแม่ทัศนีย์ เผยว่า ตอนนี้เกรดเฉลี่ยของลูกดีขึ้นมากหากเทียบกับเมื่อก่อน เพราะแรก ๆ เกรดตกมาก และตอนนี้น้องก็จะขายแค่ 2 ชั่วโมง และจะกลับบ้านไม่เกิน 2 ทุ่ม เพื่อให้น้องได้ทำการบ้านและปกติน้องเป็นคนนอนดึกอยู่แล้ว
"อยากขอบคุณที่ช่วยอุดหนุน อย่างน้อยก็ช่วยให้ผมมีทุนได้ศึกษาต่อ ในอนาคตก็อยากเรียนต่อเรื่อย ๆ และอยากเป็นวิศวะกรเกี่ยวกับหุ่นยนต์เพราะชอบมาก" น้องฟิวส์กล่าว
อย่างไรก็ตามคุณแม่ยังบอกอีกว่า สำหรับเด็กที่อยู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ สามารถเปลี่ยนให้เป็นเด็กที่ดีได้แต่ต้องขึ้นอยู่กับตัวเด็กด้วยและพ่อแม่ก็ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด บางครั้งก็ต้องมีบังคับด้วย ไม่ใช่บอกให้ลูกไปทำงานแค่วันสองวันและไม่สนใจลูกแล้ว ส่วนตอนนี้เงินที่น้องฟิวส์ขายได้ก็ให้น้องเอาไปใช้กับการเรียน
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว AMARIN TVHD
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ทุบโต๊ะข่าว AMARIN TVHD
