ประชาชนทนไม่ได้ เข้ารุมประชาทัณฑ์ เตะ ต่อย กลุ่มผู้ต้องหาทำร้ายชิงทรัพย์ 2 พ่อลูกย่านศรีนครินทร์ ก่อนทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ พบเคยถูกจับคดียาเสพติดและลักทรัพย์มาก่อนหน้านี้แล้ว
วันนี้ (1 ธันวาคม 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล 4 และ สน.ประเวศ ติดตามจับกุม 4 ผู้ต้องหาก่อเหตุทำร้ายร่างกายและปล้นชิงทรัพย์ 2 พ่อลูก เมื่อกลางดึกวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริเวณซอยศรีนครินทร์ 11 ตามที่ได้มีรายงานไปแล้วนั้น [อ่านข่าว จับแล้ว ! แก๊งโจรโหดในคลิปฟันไม่ยั้ง ชิงทรัพย์ 2 พ่อลูก ซ.ศรีนครินทร์ 11]
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นายเอกรินทร์ ทะสา หรือ ฮารูณ อายุ 20 ปี, นายอัศดา นิติสาขา หรือแมว อายุ 19 ปี และนายอำพล (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่อาคารยูนิโก้ ศรีนครินทร์ เรสซิเดนท์ อยู่ในซอยศรีนรินทร์ 11 ประมาณ 150 เมตร แขวงและเขตสวนหลวง กทม. โดยมีผู้เสียหาย คือ น.ส. ภาณุรัตน์ บุญจรัส อายุ 22 ปี และบิดา คือ นายชัยวัฒน์ บุญจรัส มาดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพพร้อมทั้งชี้จุดเกิดเหตุและพฤติการณ์ในการก่อเหตุของคนร้ายด้วย ขณะที่นายอนุชา แก้วกุดฉิม หนึ่งในผู้ต้องหาที่รับซื้อโทรศัพท์ของกลางได้ถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลแขวงพระโขนงไปก่อนหน้านี้แล้ว
พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยว่า นายเอกรินทร์ได้ขี่รถจักรยานยนต์โดยมีนายอัศดาเป็นคนซ้อน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้เข้าไปกระชากกระเป๋าสะพายผู้เสียหายจนล้มรวมทั้งใช้มีดที่พกติดตัวมาฟันเข้าที่แขนของผู้เสียหายก่อนหลบหนีไป โดยมีนายอำพล ทำหน้าที่ดูต้นทาง ก่อนจะนำโทรศัพท์มือถือไปขายให้กับนายอนุชาในราคา 9,000 บาท โดยก่อนเกิดเหตุพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาว่าได้ดื่มน้ำกระท่อมจนเกิดความคึก คะนอง และได้นำเงินที่ได้จากการขายทรัพย์ของผู้เสียหายไปซื้อน้ำกระท่อมสี่คูณร้อยอีก รวมทั้งพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเคยถูกจับในคดียาเสพติดและคดีลักทรัพย์มาก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ก่อนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งกับประชาชนที่มายืนดูเหตุการณ์ว่าไม่ให้ทำร้ายหรือรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา แต่ทันทีที่ผู้ต้องหาลงมาจากรถกลับมีประชาชนทนไม่ได้และเข้ามารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องทั้งเตะ ต่อย และใช้หมวกกันน็อกฟาด จนเกิดความชุลมุนเล็กน้อย
ภาพจาก ครอบครัวข่าว 3
อ่านรายละเอีดยเพิ่มเติมจาก
