x close

เปิดเรื่องราวแฝดประหลาด สนิทกันจนต้องยอมตายเพื่อให้อีกคนเข้าสังคมได้





         ฝาแฝดประหลาดผู้ได้รับการขนานนามว่า “Silent Twins” ที่ไม่ยอมพูดจากับใครยกเว้นแต่แฝดของตน สร้างวีรกรรมมากมายจนถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิต ก่อนที่แฝดคนหนึ่งจะยอมสละชีวิต เพราะมองเห็นว่าถ้ายังอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

         เป็นที่ทราบกันดีว่า “ฝาแฝด” คือมนุษย์ผู้มีอะไรหลายอย่างเหมือนกัน ทั้งหน้าตา รูปร่าง รวมไปถึงอุปนิสัยใจคอ ที่บางครั้งเหมือนกันเสียจนชวนทึ่งในความแปลก แต่สำหรับเรื่องราวของฝาแฝดที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากในวันนี้ เป็นฝาแฝดคู่หนึ่งที่พิลึกและบ้าคลั่ง จนได้รับการขนานนามว่า “The Silent Twins” (เดอะ ไซเลนท์ ทวินส์)

         จูนและเจนนิเฟอร์ กิบบินส์ แฝดแท้เพศหญิงชาวเวลส์ เกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายน 1963 (พ.ศ. 2506) ทั้งสองเป็นเด็กเงียบขรึม ไม่พูดไม่จากับใคร แต่มีภาษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งใช้สื่อสารระหว่างแฝดเท่านั้น ภาษานั้นเป็นภาษาถิ่นที่มีความเร็วผิดปกติ ชนิดที่ว่าคนนอกฟังยังเข้าใจได้ยากมาก แต่เธอเข้าใจกันและกันแค่สองคน ทำให้แทบไม่มีใครเข้าใจเลยว่าเด็กแฝดคู่นี้กำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งคู่ตัวติดกันมาก ชนิดที่ว่าเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ต้องมีสังคมใด ๆ เลยก็ไม่สน

         จูนและเจนนิเฟอร์เป็นเด็กแฝดผิวสีเพียง 2 คนในละแวกชุมชน ทำให้พวกเธอรู้สึกแปลกแยกจากเด็กคนอื่นมากขึ้นไปอีก ภาษาที่รู้กันแค่เพียงสองคนก็ยิ่งเพิ่มระดับความเป็นนามธรรม จนกระทั่งเมื่อทั้งสองอายุได้ 14 ปี ปรากฏว่าจูนและเจนนิเฟอร์ไม่สามารถเข้าสังคมได้เลยแม้แต่น้อย ผู้เป็นพ่อและแม่จึงตัดสินใจส่งลูกแฝดไปอยู่โรงเรียนประจำ แต่ส่งไปคนละโรงเรียน

         การแยกจูนและเจนนิเฟอร์ออกจากกัน ทำให้พ่อแม่มั่นใจว่าทั้งคู่จะเลิกพฤติกรรมอย่างการพูดไม่เป็นภาษาได้เสียที แต่เปล่าเลย...เด็กทั้งสองกลายเป็นคนเงียบมากกว่าเดิม และป่วยด้วยภาวะอยู่นิ่งไม่ยอมเคลื่อนไหว หรือที่เรียกว่า อาการคาตาโทเนีย (Catatonia)

         เมื่อแฝดได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง พวกเธอก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นอีก และใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันหมดไปกับการเล่นตุ๊กตาและอ่านหนังสือในห้องนอน หลังจากนั้นพวกเธอเริ่มฉายแววนักเขียน หลังจากส่งจดหมายจองที่นั่งในงานอบรมการเขียนเชิงสร้างสรรค์ และงานอบรมการเขียนนิยายอีกมากมาย ก่อนที่จะเริ่มเขียนหนังสือจริงจังในชื่อ “Pepsi-Cola Addict” (เสพติดเป๊ปซี่-โคล่า) จากนั้นพวกเธอก็คลอดนิยายอีกหลายเรื่อง ได้แก่ The Pugilist, Discomania, The Taxi-Driver's Son และ Postman and Postwoman

         หลังจากที่ทั้งคู่ขายนิยายซึ่งตีพิมพ์เองในชื่อสำนักพิมพ์ New Horizons พวกเธอก็เริ่มส่งต้นฉบับเรื่องสั้นมากมายไปยังนิตยสารหลายฉบับ แต่ความพยายามของพวกเธอก็ไร้ผล เพราะมันไม่เคยถูกตีพิมพ์เลยสักครั้ง เมื่อบวกเรื่องนี้เข้ากับอุปนิสัยสุดแปลกแยก ก็อาจเป็นที่มาของการชอบใช้ความรุนแรง ขี้ขโมย และการก่ออาชญากรรมมากมาย ซึ่งรวมถึงการวางเพลิงด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้พ่อแม่จำใจส่งลูกสาวไปบำบัดที่โรงพยาบาลจิตประสาทบรอดมัวร์ (Broadmoor) ที่ซึ่งพวกเธอใช้เวลาอยู่ในนั้นด้วยกันนานถึง 14 ปี

         ตลอดเวลา 14 ปีในโรงพยาบาล จูนและเจนนิเฟอร์กลายเป็นเหมือนคนไร้ชีวิต ยาบำบัดอาการโรคจิตที่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้เจนนิเฟอร์ป่วยในกลุ่มอาการที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้

         จนสุดท้าย ทั้งคู่ยอมเปิดใจพูดคุยกับนักหนังสือพิมพ์ชื่อ มาเจอรี่ วอลเลซ เกี่ยวกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น และยังบอกอีกว่าพวกเธอได้ตัดสินใจแล้วว่า ต้องมีคนใดคนหนึ่งตายจากไป เพื่อที่จะให้แฝดอีกคนได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ส่วนคนที่ยอมตายคือเจนนิเฟอร์นั่นเอง


         การยอมสละชีวิตของเจนนิเฟอร์ เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมปี 1993 (พ.ศ. 2536) ซึ่งเป็นวันที่คู่แฝดจะถูกย้ายไปอยู่โรงพยาบาลแห่งใหม่ เจนนิเฟอร์เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันคาไหล่ของจูน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสัญญาณเตือนด้านสุขภาพ และไม่พบว่ามียาพิษหรือสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย การตายของเธอยังคงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้

         หลังจากที่เจนนิเฟอร์ตายไป จูนก็กลายเป็นคนละคนไปเลย จากคำบอกเล่าของวอลเลซ ระบุว่า วันที่เธอได้ไปเยี่ยมจูนหลังจากเจนนิเฟอร์เพิ่งตายได้ไม่นาน เธอพบว่าจูนอยู่ในอารมณ์ที่ดีผิดปกติ เธอหันหน้าเข้าสังคม ไม่เงียบอีกต่อไปแล้ว และยังบอกด้วยว่า “ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระเสียที เจนนิเฟอร์ยอมจบชีวิตตัวเองเพื่ออนาคตของฉัน”

         จูนให้สัมภาษณ์กับสื่อใหญ่ในสหราชอาณาจักรหลายเจ้า ว่าตอนนี้เธอพักผ่อนอยู่อย่างสงบเพียงลำพัง ในบ้านที่ปลูกไว้ใกล้ ๆ กับพ่อแม่ และไม่ต้องเข้ารับการบำบัดโรคจิตอีกต่อไปแล้ว รวมถึงยังได้รับการยอมรับจากคนในสังคมเฉกเช่นเดียวกับคนปกติอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดเรื่องราวแฝดประหลาด สนิทกันจนต้องยอมตายเพื่อให้อีกคนเข้าสังคมได้ อัปเดตล่าสุด 1 มิถุนายน 2563 เวลา 01:15:53 62,699 อ่าน
TOP