ภาพล่าสุด คิม จอง อึน อ้วนท้วนขึ้นมาก ขัดภาวะแร้นแค้นที่ชาวโสมแดงกำลังเผชิญ

          เผยภาพล่าสุด คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ อ้วนท้วนเจ้าเนื้อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สื่อนอกแซวอุบ ช่างขัดกับภาวะแห้งแล้งขาดแคลนอาหารที่โสมแดงกำลังเผชิญ ขณะบางส่วนโยงเข้าเรื่องปัญหาสุขภาพ

          วันที่ 20 มีนาคม 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยภาพล่าสุดของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ขณะกำลังชมการฝึกซ้อมรบของกองทัพ โดยผู้นำหนุ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งใบหน้าที่กลมอิ่มเอิบขึ้น และรูปร่างภายใต้เสื้อคลุมตัวยาวก็ดูจะอ้วนท้วนขึ้นอย่างชัดเจน
          รูปร่างที่สมบูรณ์ขึ้นของผู้นำโสมแดง นำมาซึ่งการเจาะลึกถึงพฤติกรรมการกินของนายคิม จอง อึน อย่างเลี่ยงไม่ได้  โดยเดลี่เมลเผยข้อมูลจากเชฟส่วนตัวของท่านผู้นำ ตลอดจนอดีตเชฟซูชิส่วนตัวของ คิม จอง อิล ผู้เป็นบิดา ว่า นายคิม จอง อึน มีอุปนิสัยรักการกิน และทุ่มเงินไม่จำกัดเพื่อการคัดสรรแต่ของกินชั้นเลิศจากทั่วโลกมาลิ้มลอง โดยผู้นำหนุ่มโปรดปรานชีสจากสวิตเซอร์แลนด์ เนื้อสเต๊กโกเบ และไวน์คริสตัลชั้นดีเป็นพิเศษ ซึ่งดื่มได้ถึงครั้งละ 2 ขวด

          ความอยู่ดีกินดีของผู้นำประเทศ ช่างขัดต่อสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเกาหลีเหนือโดยทั่วไปที่ค่อนข้างแร้นแค้น โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ตัวแทนจากองค์การสหประชาชาติได้ไปเยี่ยมเยือนจังหวัดฮวางเกทั้งตอนเหนือและตอนใต้ ก็ได้พบว่า ผลิตผลมันฝรั่ง ข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์ที่กำลังจะเก็บเกี่ยวได้ น่าจะลดจำนวนลงกว่าเดิมถึงครึ่งหนึ่ง อันเป็นผลสืบเนื่องจากภัยแล้ว ด้านน้ำในบ่อก็แห้งขอด ส่วนระดับน้ำในเขื่อนก็ต่ำมาก ซึ่งเป็นผลจากฝนและหิมะที่ตกน้อยกว่าปกติต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557-2558


          "เราไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะตัดสินได้ว่าชาวเกาหลีเหนือกำลังอดอยากจริงหรือไม่ แต่จากสถานการณ์เท่าที่เห็น พวกเขาก็คาบเส้นอยู่ในภาวะอดอยากแล้ว" ลิลิอานา บัลบิ ตัวแทนองค์การอาหารและวัฒนธรรมจากองค์การสหประชาชาติ กล่าว

          ทั้งนี้ นอกจากประเด็นเรื่องน้ำหนักตัวที่ดูจะมากเกินไปแล้ว นายคิม จอง อึน ผู้ไม่ค่อยมีภาพที่ได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะมากนัก ยังเผชิญปัญหาสุขภาพด้วย โดยไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีบางช่วงที่ผู้นำหนุ่มหายจากการปรากฏตัวต่อหน้าสื่อไปหลายเดือน และบางช่วงก็มีภาพเผยให้เห็นท่านผู้นำต้องเดินโดยอาศัยไม้เท้า อันบ่งชี้ว่า นายคิม จอง อึน อาจกำลังเผชิญปัญหาสุขภาพ อันเป็นไปได้ว่าอาจเป็นโรคเกาต์ ซึ่งเป็นโรคที่ผู้นำรายนี้มีความเสี่ยงอยู่แล้วจากประวัติของครอบครัว

ภาพจาก KCNA / AFP