ตำรวจอ่างทอง ตามรวบ 6 วัยรุ่น ก่อเหตุถีบรถจักรยานยนต์ล้ม จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นวัยรุ่นอายุ 15 และลุงที่ขี่จักรยานพลอยถูกลูกหลงไปด้วย ขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ หลบมาบนบานกับพระ หากไม่ถูกจับ จะบวชแก้บน
จากกรณีเมื่อเย็นวันที่ 6 สิงหาคม 2559 เกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบคู่อริก่อนใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 4กผ-9426 กรุงเทพฯ ที่มีนายสุทธิภรณ์ สว่างโชติ อายุ 15 ปี เป็นคนขี่ และมี ด.ช.วิสิฐ อายุ 14 ปี และ ด.ช.จักรพงศ์ อายุ 14 ปี เป็นคนซ้อนจนเสียหลักล้มไปชนกับรถจักรยานของลุงคนหนึ่ง (ยังไม่ทราบชื่อและที่อยู่) ที่ปั่นมาข้าง ๆ จนล้มคว่ำตามกันไป ส่งผลให้นายสุทธิภรณ์ เสียชีวิตคาที่ ส่วน ด.ช.วิสิฐ และ ด.ช.จักรพงศ์ บาดเจ็บ ขณะที่ลุงที่ปั่นจักรยานมานั้น บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
จากการสอบถาม ด.ช.เอก (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนและเพื่อน ๆ ไม่ได้เป็นคนถีบรถของนายสุทธิภรณ์จนทำให้รถล้มเสียชีวิต แต่ยอมรับว่า ได้มีการถีบรถกันจริง แต่การถีบรถดังกล่าวเกิดขึ้นทีหลังที่จะมีเหตุการณ์ไม่สบอารมณ์กัน
ด.ช.เอก เล่าต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมเพื่อน รวม 6 คน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน มุ่งหน้าจะไปบ้านเพื่อนอีกคนที่อยู่ใน ต.ย่านซื่อ อ.เมือง และระหว่างขี่รถมาได้เจอกับกลุ่มของนายสุทธิภรณ์ ซึ่งพวกตนไม่เคยรู้จักมาก่อน ขี่รถออกมาจากซอยร้านโต๊ะสนุ๊ก โดยเมื่อเจอกันนายสุทธิภรณ์ได้ตะโกนให้ของลับกับกลุ่มของตน และได้เบิ้ลรถใส่เสียงดัง ตนข้องใจเพราะไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วทำไมถึงมาทำแบบนี้ จึงได้ขี่รถตามแล้วบอกให้นายสุทธิภรณ์จอด แต่นายสุทธิภรณ์ไม่ยอมจอด พวกตนจึงขี่รถตาม ระหว่างที่ตามพวกตนเห็นว่าใกล้ถึงบ้านเพื่อนแล้ว จึงจะเลิกตามแล้วจะเลี้ยวเข้าบ้านเพื่อน แต่ยังไม่ทันเลี้ยวรถนายสุทธิภรณ์ก็ได้เบิ้ลรถใส่และตะโกนให้ของลับอีกรอบ พวกตนจึงตัดสินใจตามไปอีก โดยตนแยกกันขี่รถแบบประกบหวังจะกดดันให้นายสุทธิภรณ์จอดรถ แต่นายสุทธิภรณ์ไม่ยอมจอด ตนจึงได้ขี่ตามแล้วใช้เท้าถีบรถของนายสุทธิภรณ์ แต่ไม่ล้ม แล้วเพื่อนตนอีกคันที่ขี่ตามมาก็เอื้อมมือไปต่อย 2 ที แต่ตอนนั้นรถก็ยังไม่ล้มเช่นกัน
และในจังหวะนั้นนายสุทธิภรณ์ได้ขี่รถหนีด้วยความเร็วมุ่งหน้ามาทาง อ.ไชโย กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ บริเวณดังกล่าว มีลุงขี่รถจักรยานอยู่ริมถนน นายสุทธิภรณ์ได้ขี่รถด้วยความเร็ว พร้อมหันหน้ามามองพวกตนและเบิ้ลรถใส่ประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งตอนที่นายสุทธิภรณ์หันหน้ามามองพวกตนนั้นเอง ที่ทำให้รถนายสุทธิภรณ์เสียหลักไปชนกับรถจักรยานของลุงจนกระเด็นไปอยู่กลางถนน โดยหลังเกิดเหตุตนไม่รู้ว่ามีคนเสียชีวิต เข้าใจว่าล้มเฉย ๆ
ด.ช.เอก เล่าอีกว่า เมื่อมาทราบจากข่าวว่า นายสุทธิภรณ์และลุงเสียชีวิต พวกตนจึงชักชวนกันมาที่วัด เพื่อหลบซ่อน และบนบานกับหลวงพ่อไม่ให้ตำรวจตามจับได้ หากตำรวจจับไม่ได้ก็จะบวชแก้บน แต่สุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาจับได้เสียก่อน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ก็ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูล เพื่อติดตามตัวคนร้าย จนกระทั่งสืบทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุคือใคร และหลบซ่อนที่ใด จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมทันที จากการสอบสวนเบื้องต้น ทุกคนยอมรับว่า มีเรื่องกับกลุ่มผู้เสียชีวิตจริง แต่ก็ยืนยันว่า ไม่ได้ถีบรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้เสียชีวิตจนรถคว่ำ อย่างไรก็ดี หลังจากนี้ จะนัดทีมสหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำกลุ่มผู้ก่อเหตุอีกครั้ง
ภาพและข้อมูลจาก
