ดีเอสไอปัดซ้อมนายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาคดีทุจริตออกโฉนดที่ดินหมื่นล้าน ชี้ไม่มีเหตุจำเป็นต้องตัดตอนผู้ต้องหา เชื่อตับแตกเกิดจากปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต ด้านน้องชายไม่เชื่อพี่ชายผูกคอฆ่าตัวตาย
จากกรณีนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินจังหวัดพังงา ผู้ต้องหาในคดีทุจริตออกโฉนดที่ดินในจังหวัดภูเก็ต-พังงา มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ผูกคอเสียชีวิต ระหว่างถูกควบคุมตัวภายในห้องบนชั้น 6 อาคารที่ทำการของดีเอสไอ เมื่อกลางดึกของวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น [อ่านข่าว : ธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาคดีทุจริตออกโฉนดที่ดินหมื่นล้าน ผูกคอดับคาห้องขัง]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม 2559 นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมายื่นเอกสารที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อขอรับศพนายธวัชชัยไปทำพิธีบำเพ็ญกุศล
โดยนายชัยณรงค์ เปิดเผยถึงผลการชันสูตรพลิกศพของเจ้าหน้าที่นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายธวัชชัย เกิดจากตับแตกและมีเลือดออกในช่องท้อง เนื่องจากถูกของแข็งไม่มีคมและขาดอากาศหายใจ
นอกจากนี้ นายชัยณรงค์ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เรียกตนไปสอบปากคำในฐานะพยาน โดยมีเจ้าหน้าที่ 2 คน และอัยการ 1 คนร่วมสอบปากคำ ตอนนั้นพี่ชายยังพูดคุยยิ้มแย้มปกติ ไม่มีอาการวิตกกังวล และบอกเพียงจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น ปกติพี่ชายเป็นคนร่าเริง ไม่มีอาการป่วยซึมเศร้า
ต่อมาเมื่อทราบข่าวว่า พี่ชายเสียชีวิตก็รู้สึกตกใจ ซึ่งทาง รปภ. ของดีเอสไอบอกว่า พี่ชายใช้เชือกจากชายเสื้อผูกคอตัวเอง เมื่อดูบาดแผลที่ลำคอมีรอยแดงขนาดเล็กมากเกือบมองไม่เห็น คาดว่าอาจเป็นรอยที่เกิดจากเชือกหรือลวด กระทั่งช่วงบ่ายวันเกิดเหตุ ทางดีเอสไอออกมาแถลงข่าวอีกครั้งว่า พี่ชายใช้ถุงเท้าผูกคอตัวเอง ซึ่งไม่ตรงกับตอนแรกที่ทาง รปภ. และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ แจ้งว่าใช้เชือกผูกคอ รวมทั้งบาดแผลที่มีขนาดเล็กมาก และถุงเท้าพี่ชายจะใส่แบบสั้นแค่ตาตุ่ม ไม่น่าจะมีความยาวถึงขนาดนั้น จึงทำให้เกิดข้อสงสัยในจุดนี้ และเชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ จึงอยากขอความเป็นธรรม
ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงผลการชันสูตรศพของนายธวัชชัย ว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อมีประเด็นสงสัยเรื่องการเสียชีวิต ดีเอสไอ ก็พร้อมที่จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าห้องขังทั้งหมดว่ามีบุคคลใดเข้า-ออกห้องคุมขังบ้าง รวมถึงจะสอบถามไปยังแพทย์ที่รักษาว่า ตับแตกเกิดจากกดทับหลายครั้งได้หรือไม่ เนื่องจากตอนที่พบร่างผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตนายธวัชชัย ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล และขอยืนยันว่า ดีเอสไอไม่มีเหตุต้องทำร้ายผู้ต้องหา
ด้าน พ.ต.ท. ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า คดีทุจริตออกโฉนดที่ดินในจังหวัดภูเก็ต-พังงา มีหลักฐานเอกสารชัด จึงไม่ความจำเป็นที่ดีเอสไอต้องฆ่าตัดตอนผู้ต้องหา และในส่วนของที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บหลักฐานอย่างละเอียดทันที เพื่อให้เกิดความโปร่งใส นอกจากนี้ ดีเอสไอได้ขอให้เจ้าหน้าที่นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เป็นผู้ชันสูตรเพราะเป็นหน่วยงานคนละสังกัด ไม่ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดเดียวกัน เพื่อป้องกันข้อครหาที่อาจเกิดขึ้น
พ.ต.ท. ประวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีดังกล่าวหลังการเสียชีวิตของผู้ต้องหาดีเอสไอยังต้องดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องหารายอื่นต่อไป ทั้งยังต้องส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ติดตามทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดที่คาดว่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งตามภูมิลำเนาของนายธวัชชัย อยู่ที่ จ.ภูเก็ต แต่หลบหนีคดีมาที่ จ.นนทบุรี จึงคาดว่าจะมีการผ่องถ่ายทรัพย์สินไปยังญาติหรือคนใกล้ชิด ซึ่ง ปปง. ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินตามขั้นตอนต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,
, 
