จากกรณีที่ครูจันทร์ อายุ 56 ปี อดีตข้าราชการครู ในอำเภอวังสะพุง จ.เลย ถูกชายหนุ่มชื่อนายรุ่งรดิศ คงแก้ว หรือต้น อายุ 40 ปี ชาวอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา มาหลอก ให้หลงรัก และมาขอแต่งงาน จึงตกลงปลงใจจะจดทะเบียนสมรสด้วยจากนั้น ก่อนมาหลอกขอยืมเงินอ้างว่าจะเอาไปลงทุนในธุรกิจ ให้เช่าเครื่องเสียง จนสูญเงินไปกว่า 7 ล้านบาท
ลูกสาวครูจันทร์ เปิดเผยว่า ปกติแม่เป็นคนซื่อ ๆ ประหยัด มัธยัสถ์มาก จึงเป็นเรื่องแปลกมากที่ต้องเป็นหนี้สินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ทุกวันนี้แม่เครียดมาก เพราะมีเจ้าหนี้มาทวงเงิน ทั้งถูกขู่ฆ่าด้วย จึงอยากฝากถึงนายต้นให้ออกมารับผิดชอบ และขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้กับคนอื่นด้วย
ด้าน นายต้น ได้ออกมาชี้แจงเช่นกัน โดยเผยว่าสิ่งที่ครูจันทร์กับลูกออกมาพูด เป็นความจริงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือตนจดทะเบียนสมรสจริง เนื่องจากเป็นความต้องการของฝ่ายหญิง ยืนยันว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ไม่ใช่เชิงชู้สาวหรือหวังสมบัติ ส่วนเงินที่ตนถูกกล่าวหาว่าเอาไปนั้น ความจริงคือครูจันทร์ได้ชวนเข้าบ่อนเพื่อหาเงินก้อนใหญ่ ซึ่งต่อมาทราบว่าครูจันทร์ไปเข้าบ่อนคนเดียว จึงน่าจะสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ต้น เผยว่า หลังจากครูจันทร์เสียเงินให้บ่อน บ่อนก็มักจะมาทวงเงินกับตน โดยมาระราน อ้างว่าหากครูจันทร์ลำบาก ตนก็ต้องลำบากด้วย ส่วนกรณีที่ครูจันทร์หาว่าตนเคยทำร้ายด้วยการผลัก ตนยอมรับว่าวันนั้นมีปากเสียงกัน ก่อนที่ตนจะขึ้นจักรยานยนต์ แต่ครูจันทร์มากระชากกระเป๋าตน ทำให้เกิดการกระแทกกับถนนจนบาดเจ็บ ส่วนที่ครูจันทร์แจ้งความตนฐานฉ้อโกงนั้น ล่าสุดก็ได้มีการถอนฟ้องแล้ว ตนจึงไม่คิดว่าควรจะออกมาพูดในเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยโกรธ และพร้อมจะพูดคุยกับครูจันทร์เสมอเพราะถือเป็นผู้มีพระคุณ
ด้าน ทนายรณรงค์ แก้วเพชร กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ทั้งสองฝ่ายมีการจดทะเบียนสมรสกัน ดังนั้นการให้อะไรไป จึงถือเป็นการให้ด้วยความเสน่หา หากมีการฟ้องกันก็จะเอาผิดไม่ได้ แต่หากพบว่าฝ่ายชายมีการจดทะเบียนสมรสซ้อน ก็จะสามารถฟ้องร้องได้
ทั้งนี้ประเด็นที่ว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่เคยเจอกรณีเดียวกับ ครูจันทร์ นั้น ทางรายการทุบโต๊ะข่าว ได้เผยว่า มีหญิง 2 ราย ซึ่งรายหนึ่งเป็นครู ยืนยันว่ารู้จักกับ นายต้น จริง แต่ไม่ขอพูดถึงรายละเอียด เพราะตอนนี้มีครอบครัวแล้ว เกรงว่าอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ในปัจจุบัน