x close

เปิดใจ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย

สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง

สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


          "ผมเป็นหนี้ด้วยเม็ดเงิน ผมก็ต้องใช้หนี้ด้วยเม็ดเงิน ทำไมผมต้องใช้หนี้ด้วยชีวิตล่ะ ผมรักชีวิตผมมากกว่าทุกอย่าง มันไร้สาระที่ผมต้องเอาชีวิตไปใช้หนี้" 

          คำบอกเล่าที่ออกมาจากใจของ "สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง" หรือเจ้าของวลีเด็ด "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็ก ที่ต้องแบกรับภาระหนี้กว่าแสนล้านบาท เพียงแค่ชั่วข้ามคืน 

          หลังจากโดนผลพวงของภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตกที่กระทบไปทั่วทุกธุรกิจ จนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 และในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ศาลฎีกาสั่งให้เขากลายเป็นบุคคลคนล้มละลาย ... เพราะอะไรทำไมคนที่เคยเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทยถึงมีหนี้มากมายขนาดนั้น และทำไมถึงยังใช้ชีวิตอยู่ได้ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปค้นหาคำตอบกันค่ะ...

          สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง หรือ ฮ่อก๊กห่ง เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนกวางตุ้ง เกิดวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2484 ที่ ซอยวัดพิเรนท์ ย่านวรจักร กรุงเทพมหานคร พ่อแม่นั่งเรือสำเภามาจากประเทศจีน ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยหรือคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เพราะอยู่ในครอบครัวที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ต้องสู้ชีวิต ต่อมาปี พ.ศ. 2490 พ่อส่งเขาไปเรียนที่โรงเรียนกวางตุ้ง เมืองกวางเจา ประเทศจีน จนจบ ป.4 ถึงกลับมาเรียนต่อที่โรงเรียนธีรพัฒน์วิทยา และต่อในระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนสาธรวิทยา และจบการศึกษาระดับปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบูรพา 

          โดยในสมัยหนุ่มๆ เขาเริ่มทำงานเป็นล่ามให้กับโรงงานน้ำตาลศรีราชาไทยรุ่งเรือง ก่อนกลับมาช่วยงานโรงกลึงของพ่อที่ชื่อ "เขื่องหว่า" โดย สวัสดิ์ ย้อนวันวานว่า ผมจบม.6 มาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะครูช่วย จะไปหางานโรงแรม 4-5 ดาวทำก็ไม่ได้ เพราะเรียนมาน้อย สุดท้ายก็ได้ช่วยงานโรงเหล็กของครอบครัว อ่าน เขียน และพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะต้องส่งโทรเลข ติดต่อธุรกิจสั่งของกับต่างประเทศ ช่วงรอรับโทรเลขก็ไปเที่ยวไนต์คลับรอเพราะเวลาต่างกัน 12 ชั่วโมงจนเต้นรำเก่ง 

          แต่ด้วยความความฝันที่ว่าจะต้องเป็นเจ้าพ่อโรงเหล็กให้ได้ เขาจึงก่อตั้งกลุ่มบริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีล กรุ๊ป จำกัด (NTS) และบริษัท นครไทย สตริปมิล จำกัด (NSM) ในเมื่อ พ.ศ. 2531 เขาได้สร้างอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) โดยเน้นไปที่การก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม และได้จับมือกับ "เดวิด เหลียง" นักธุรกิจฮ่องกง ตั้งบริษัท ไทย-ฮ่องกง เรียลเอสเตท เทคโอเวอร์ บริษัท ซันเทค ผลิตมะเขือเทศกระป๋อง 

          ในปี พ.ศ. 2537 เขาขออนุญาตตั้งโรงงานเหล็กรีดร้อน "มังกรสวัสดิ์" โดยตัดสินใจกู้เงินจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากมาสมทบ เพื่อที่จะขึ้นนั่งแท่นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมเหล็กให้จงได้ ซึ่งเขาก็สามารถทำได้ แต่การจะได้มาซึ่งธุรกิจนับแสนล้านบาทนั้น สวัสดิ์ ต้องกู้เงินจำนวนมาก เพื่อนำมาสร้างฝันของตัวเอง พร้อมๆ กับหันมาสนใจที่จะเล่นการเมือง โดยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย ในยุคของ พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ 

          ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 ภายหลังเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย จนถึงขั้นฟองสบู่แตก ทำให้กระทบธุรกิจหลายๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็ก แถมเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้เขากลายเป็นหนี้แสนกว่าล้านเพียงข้ามคืน

          โดยหลังทราบข่าว สวัสดิ์ บอกว่า ในวันที่ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ผมนอนไม่หลับ คิดว่าจะจัดการปัญหาหนี้ได้อย่างไร ยอมรับว่า มืดเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นผมใช้เวลาอยู่กับตัวเอง 2-3 วัน ก็คิดว่าอะไรที่เป็นส่วนตัวเราเก็บไว้ก่อน ทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด ทำอย่างไรจึงจะรักษาบริษัทเหล่านั้นไว้ให้ได้ ผมไม่โทษใคร นอกจากตัวเอง และคิดว่าทุกอย่างต้องเดินหน้า การต่อสู้จะต้องดำเนินต่อไป และวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จึงถูกประกาศออกมา 

          สวัสดิ์ กล่าวอีกว่า ผมยอมให้ถูกสังคมและเจ้าหนี้ตราหน้าว่า "จอมเบี้ยวหนี้" การประกาศออกมาว่า "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" ไม่ใช่เป็นการพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ใช่คำพูดของเจ้าพ่อ ที่จะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เพื่อข่มขู่ให้เจ้าหนี้หวาดกลัว แต่เป็นการพูดที่มีความหมาย เพื่อต้องการรักษาสภาพคล่องในบริษัทไว้ให้มากที่สุด ก่อนจะหาทางแก้ปัญหาต่อไป 

          พูดง่ายๆ ก็คือ การกลับมาตั้งหลักนั่นเอง ผมมองแล้วว่าในภาวะเช่นนี้ ไม่มีเจ้าหนี้รายไหนจะกล้าปล่อยสินเชื่อหมุนเวียนมาให้แน่นอน แต่เครื่องจักรจะต้องเดินเครื่องตลอดเวลา ซึ่งจะต้องใช้เงินเข้าไปหล่อเลี้ยง หากผมเอาเงินของบริษัทที่มีอยู่ทั้งหมดไปคืนหนี้ แล้วบริษัทจะอยู่อย่างไร เครื่องจักรมูลค่าหลายพันล้านบาท ที่เป็นหลักประกันนั้น จะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ ซึ่งก็เท่ากับทำร้ายเจ้าหนี้ทางอ้อมด้วย

          ช่วงแรกๆ เจ้าหนี้หลายๆ รายก็มีปัญหา ไม่เข้าใจกับความคิดของเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหนี้ส่วนใหญ่เริ่มจะเข้าใจ และบางรายถึงกับแสดงความขอบคุณ และบางรายถึงกับยกให้เป็นทฤษฎี 3 ไม่ เลยทีเดียว เพราะเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า ทฤษฎี 3 ไม่ ทำให้ธุรกิจอยู่รอด ทั้งนี้ สวัสดิ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้บอกว่าให้โกงแล้วหนี แต่ต้องรอก็เท่านั้น 

          จากนั้นเมื่อตั้งหลักได้ สวัสดิ์ จึงเดินหน้าเจรจากับเจ้าหนี้ทั้งหมด เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ที่มีอยู่กว่า 1 แสนล้านบาทในขณะนั้น โดยได้ข้อสรุปให้แปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 90% ให้แก่เจ้าหนี้ ที่เหลืออีก 10% ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งในส่วนของ สวัสดิ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งเหลือหุ้นเพียง 3% แต่ก็ได้วอร์แรนท์ อายุ 10 ปี เป็นการตอบแทน


สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง



          แต่ถึงแม้จะปลดหนี้ได้ 1 แสนล้าน แต่ สวัสดิ์ ก็ยังต้องแบกรับภาระหนี้อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะหนี้ค้ำประกันกว่า 3 หมื่นล้านบาท ที่ติดตัวมาตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นเงินต้นแค่ 8 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นดอกเบี้ยค้างจ่าย ยังเป็นภาระที่หนักสำหรับตัวเขา แม้เขาจะบอกว่าไม่มีปัญหาก็ตาม แต่ช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา หนี้ส่วนนี้ยังไม่ลดลง เพราะสวัสดิ์เชื่อว่าการใช้หนี้ทุกอย่างต้องมีเหตุผล และเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ศาลฎีกาสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแก่ นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลล้มละลาย 

          อย่างไรก็ตาม สวัสดิ์ กล่าวว่า ผมไม่รู้สึกเสียดายความร่ำรวย ที่วันนี้เหลือเพียงแค่อดีต ชีวิตวันนี้มีไว้เพื่อวันข้างหน้าเท่านั้น ผมจึงมักจะสร้างโอกาสให้กับตนเองอยู่เสมอๆ ผมไม่เคยเสียดายเวลาที่ได้พบปะผู้คนเป็นร้อยๆ คนในแต่ละวัน เพราะทุกคนที่ได้พบ ได้เจอ ย่อมหมายถึงโอกาสที่ผมเลือกที่จะไขว่คว้า ผมจะทำงานเพื่อเงิน ไม่ใช่ทำเพื่อความเป็นเจ้าของ

          "ถึงวันนี้ผมไม่ซีเรียส ผมไม่แคร์ ว่าวันนี้ผมจะสูญเสียความเป็นเจ้าของในธุรกิจที่ผมตั้งมากับมือ ผมรอได้ บริษัทจะเป็นของใคร หรือเป็นของเจ้าหนี้ และผมจะเหลือหุ้นส่วนน้อย ผมเชื่อว่าหากบริษัทผ่านพ้นวิกฤติไปได้ สักวันหนึ่งผมก็มีสิทธิกลับมา แม้จะใช้เวลาเป็น 10 ปีก็ตาม ในชีวิตนี้จะมีสักกี่คนที่ทำตามความฝันได้ทั้งหมด  ซึ่งผมทำได้ทั้งหมดแต่อาจไม่ได้เป็นเจ้าของเท่านั้นเอง เพราะผมทำให้มันเกิด ที่สำคัญผมยังใช้ชีวิตปกติ หิวก็กิน ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะต้องอดหรือว่าต้องฆ่าตัวตาย เพราะปัญหามันมาทุกชั่วโมง แก้อันนี้จบ อันใหม่ก็มา เพราะฉะนั้นปัญหามีไว้แก้ เช่นเดียวกับเวลาเครียด เครียดไม่กี่วัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป และอีกอย่างผมเป็นนักสู้มาตั้งแต่เด็ก แต่เราตัวเล็กสู้ไม่ชนะก็ต้องใช้หัวเอาชนะ" สวัสดิ์ กล่าว

          สวัสดิ์ กล่าวอีกว่า เครดิตส่วนตัวในวันนี้ ไม่ดีหรอก แต่ว่าเขาก็ไม่แคร์เท่าไหร่ และมั่นใจว่าถ้าโครงการที่ทำนั้นดี ข้อมูลดีเขาต้องทำได้แน่ การก้าวมาถึงวันนี้ เป็นทั้งจุดเปลี่ยนและก้าวใหม่ เพราะโลกเปลี่ยนไป แต่ความเป็นนักฝันของเขายังคงอยู่ และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความฝันนั้นให้เป็นจริง


           คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, ,
- businessthai.co.th
- tpa.or.th
- chartthai.co.th
- bangkokbiznews.com


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย อัปเดตล่าสุด 12 กันยายน 2551 เวลา 11:45:13 92,598 อ่าน
TOP