สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
วันนี้ (11 มีนาคม 2552) นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ในวันที่ 12 มีนาคม พรรคได้จัดทำโพลสำรวจความเห็นของประชาชนทั้งก่อนและหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ โดยในช่วงก่อนการอภิปรายฯ จะสอบถามเกี่ยวกับความต้องการของประชาชนว่า อยากให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องใด และขณะที่หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นก็จะทำโพลล์อีกครั้ง เพื่อสอบถามว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ดีแค่ไหน และประเมินผลการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคเพื่อไทย กว่า 20 คน นำโดย นายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ได้เข้าพบนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาเพื่อยื่นรายชื่อ 158 คน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 271 เพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา 274 เพื่อให้วุฒิสภามีมติถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง 
สำหรับหนังสือที่ฝ่ายค้านยื่นนั้นได้ระบุพฤติการณ์ของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยื่นถอดถอน 7 ประการ ดังนี้
1. การเรียกร้องขอให้พระมหากษัตริย์พระราชทานนายกรัฐมนตรี ตาม ม.7 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นการตอกย้ำว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ฝักใฝ่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ และเข้าร่วมปฎิบัติการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องขอคืนพระราชอำนาจอันเป็นการเรียกร้องทางการเมืองนอกสภา
2. ระบุว่า การเข้าสู่ตำแหน่งของ นายอภิสิทธิ์ ไม่เป็นตามครรลองประชาธิปไตย แต่อยู่ภายใต้คณะบุคคลชั้นสูงบางกลุ่มบางคนผลักดันให้พรรคการเมืองเสียงข้างน้อยเข้ามาบริหารประเทศ โดยไม่คำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
3. มีพฤติกรรมเป็นตัวการหรือเป็นผู้ให้หรือผู้สนับสนุนหรือสั่งการให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งที่รู้ดีว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กระทำการขัดต่อกฎหมาย และขัดขวางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็ยังช่วยเหลือแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี รวมทั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีอีกหลายตำแหน่ง
4. นายอภิสิทธิ์ มีพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองจากการมีส่วนในการปกปิด ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยการรับเงินสนับสนุนพรรคการเมือง จากบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งไม่จายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เป็นไปตามที่กฎหนดไว้
5. นายอภิสิทธิ์ มีหน้ารักษาไว้ซึ่งดินแดนไทยให้เป็นราชอาณาจักรเดียวกัน ตามมาตรา1 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่ขณะนี้ได้มีประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวเขตติดต่อกัน ได้ทำถนนบุกรุกยึดครองใช้พื้นที่ดินแดนของประเทศไทยเป็นทางขึ้นเขาพระวิหาร
6. นายอภิสิทธิ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำเอกสารเท็จแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง จังหวัดสตูล โดยรับรองนายธานินทร์ ใจสมุทร เป็นสมาชิกพรรค สำหรับการเลือกตั้งวันที่ 20 เมษายน 2551 แต่ต่อมานายธานินทร์ ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งเพิกถอนสิทธิกาเลือกตั้งเป็นเวลา 1 ปี ตามรายละเอียดปรากฎตามหนังสือลงวันที่ 20 กันยายน 2548 นายธานินทร์ จึงขาดการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับของพรรคประชาธิปัตย์ ข้อ 9(6) ที่ระบุว่าคุณสมบัติของสมาชิกพรรคต้องไม่อยู่ระหว่างการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
7. กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ให้นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และทีมงานประสานไปยังบริษัทเอกชนที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่งข้อความสั้น (SMS) ที่เป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งบริษัทเอกชนเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงยินยอมให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อรวมค่าใช้จ่ายเป็นเงินหลายล้านบาท แต่ได้บริการให้ฟรีแก่ นายอภิสิทธิ์ เท่ากับว่า นายอภิสิทธิ์ ได้รับ "ประโยชน์อื่นใด" ตามประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นการฝ่าฝื่นมาตรา 103 แห่ง พ.ร.บ. ป.ป.ช. ปี 2542
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
