อยากเก็บเงินให้ได้...ต้องหยุดอ้าง! (Lisa)
ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไหร่ คุณก็มีเงินเก็บได้จากคำแนะนำของ ร็อบ เบนเนตต์ เจ้าของบล็อกอิสระทางการเงินจาก PassionSaving.com
.gif)
ข้ออ้าง 1 : รายได้น้อยเกินจะเหลือเก็บ "เราคิดว่ารายได้ของเราไม่พอ เพราะเราจัดลำดับตัวเองเอาไว้หลังสุด ถ้าสิ่งแรกที่คุณจ่ายในแต่ละเดือนนั้นเป็นค่าบัตรเครดิต ค่ารถ หรือค่าบ้าน คุณก็อาจจะใช้ข้ออ้างนี้จนเคยชิน" นี่คือคำเตือนจาก จูลี่ สตาฟ ผู้เขียน "The Money in You!: Discover Your Financial Personality and Live The Millionaire's Life"
ถ้าอยากเริ่มต้นเก็บเงินจริง ๆ ที่แรกที่เงินเดือนควรไหลไปก็คือ บัญชีสำหรับเก็บเงินโดยเฉพาะ เริ่มที่ 5% ของเงินเดือนก็พอ ถ้าใช้เงินเหลือค่อยเพิ่มเป็น 10% หากเงินเดือนขึ้น ให้หักเงินส่วนต่างมาครึ่งหนึ่งเพื่อเก็บสะสม (เช่น เงินเพิ่มสองพัน ให้หักหนึ่งพัน)
ข้ออ้าง 2 : ชีวิตฉันก็ต้องการความหรูหราเหมือนกันนะการออมเงินไม่ใช่การปฏิเสธจากความหรูหราในชีวิตโดยสิ้นเชิง เป้าหมายจริง ๆ ก็คือต้องมีเงินออมหลังเกษียณ เงินฉุกเฉิน และเงินสำหรับซื้อรางวัลให้ตัวเองบ้าง วิธีเก็บเงินง่าย ๆ ก็คือแยกเป็นบัญชีไว้ต่างหาก เช่น บัญชีค่าใช้จ่าย บัญชีพักร้อน (ซึ่งคุณจะไม่ใช้เด็ดขาดหากไม่ถึงพักร้อนจริง ๆ)
อีกวิธีหนึ่งซึ่งช่วยต่อสู้กับความอยากได้ก็คือให้คิดว่า "การออมเงินเป็นความหรูหราอย่างหนึ่ง" เนื่องจากจำนวนเงินที่เยอะขึ้น จะช่วยปลดปล่อยชีวิตคุณจากความกังวลเรื่องชักหน้าไม่ถึงหลัง รับรองได้ว่านั่นรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
ข้ออ้าง 3 : เงินส่วนนี้ถือเป็นการลงทุนหลายคนใช้เงินกับสินค้าและบริการที่เมื่อเวลาผ่านไปจะมีค่ามากขึ้น เช่น การศึกษา หรือการเดินทาง หากแม้จะได้เปิดหูเปิดตา แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป นี่จึงไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไปเก็บเงิน แต่ที่ถูกต้องก็คือ การออมเงินไว้สำหรับการนี้ต่างหากด้วย มันจะมีค่ามากกว่าเงินที่เสียไป เช่น การศึกษา
แต่ถ้าเราใช้เหตุผลดี ๆ จะพบว่าบางอย่างก็ราคาแพงเกินไปจริง ๆ บางคนบอกว่าจะไปเที่ยวรอบโลก เพราะอยากเปิดหูเปิดตากับโลกกว้าง แต่คุณเองก็ต้องเปรียบเทียบระหว่างอิสระทางการเงินกับประโยชน์ที่ได้รับจากการไปเที่ยวนั้น ซึ่งทางที่ดีกว่าอาจจะเป็นการเก็บเงินพักร้อนโดยเฉพาะ มันอาจจะต้องใช้เวลานาน แต่จะไม่บั่นทอนเงินออมในอนาคตของคุณแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
