ทนายสงกานต์ เชื่อสาว 19 เป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมเผยความคืบหน้าทางคดีลักทรัพย์ คุณหญิงไก่ 10 ล้าน ชี้จะประกันตัวพ่อแม่เด็กมาสู้คดีในอีกไม่นาน ส่วนตัวเด็กกำลังใจดีเยี่ยม พร้อมต่อสู้อย่างถึงที่สุด
จากกรณีที่ ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อม น.ส.ประภาวรรณ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง จากกรณีที่ น.ส.ประภาวรรณ ถูกไฮโซนามว่า คุณหญิงไก่ แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 ซึ่งเรื่องนี้กำลังอยู่ในความสนใจของคนในสังคมเป็นอย่างมากนั้น [อ่าน : คืบคดีสาว 19 โดนฟ้องลักทรัพย์ 10 ล้าน พบนายจ้างไม่ธรรมดา เคยทำมากับเหยื่อหลายราย]
ในส่วนของพ่อแม่ของ น.ส.ประภาวรรณ ที่ติดคุกอยู่นั้น ขณะนี้ทางสำนักงานกองทุนยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ก็กำลังเตรียมหลักประกันมาเพื่อยื่นประกันตัวทั้งคู่ออกมาต่อสู้คดี ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานความจริงต่าง ๆ ก็จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าทั้ง 3 คนเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่
สำหรับสิ่งที่หลายคนสงสัยว่าหลักฐานในคดีดังกล่าว สามารถมัดตัวจน น.ส.ประภาวรรณ และพ่อกับแม่ ต้องถูกดำเนินคดีเลยหรือไม่นั้น จริง ๆ แล้วต้องเรียนว่าระบบกฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหา เมื่อมีใครไปกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนโดยอ้างว่าทรัพย์สินตัวเองหาย พนักงานสอบสวนก็ต้องออกหมายเรียก เมื่อไม่มาก็ต้องออกหมายจับและติดคุกไป ซึ่งทางเราก็ได้พา น.ส.ประภาวรรณ ไปยื่นต่ออัยการสูงสุดเพื่อขอให้สั่งให้พนักงานสอบสวน สอบในประเด็นที่มาของทรัพย์สิน 10 กว่าล้านบาทที่นายจ้างอ้างว่าถูกลักไป
แต่ที่น่าตกใจคือหลังจากที่ไปร้องที่สำนักอัยการสูงสุดแล้วนั้น ปรากฏว่ามีเหยื่อรายอื่น ๆ ซึ่งเคยถูกแจ้งความในลักษณะเดียวกันอีกหลายรายเข้ามาให้เบาะแส ดังนั้นเราจึงสงสัยว่าทำไมนายจ้างคนเดียวกันถึงมีการดำเนินคดีกับรายอื่น ๆ โดยกล่าวหาลักษณะความผิดเดียวกัน และยังมีข้อมูลที่อยากให้ทุกคนลองพิจารณาดูด้วย เมื่อนายจ้างอ้างว่าวางทองคำแท่งละ 10 บาท จำนวน 10 แท่ง ตั้งไว้ในห้อง บนโต๊ะกินข้าว โดยวิญญูชนจะเป็นไปได้หรือไม่
อีกทั้งในวันที่เกิดเรื่อง คือวันที่ 18 มีนาคม 2558 เมื่อ น.ส.ประภาวรรณ และพ่อแม่ออกจากบ้านนายจ้างได้ไม่เกินชั่วโมงก็รู้ว่าถูกแจ้งความ จึงรีบไปพบพนักงานสอบสวน ลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตำรวจตรวจค้น ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานก็เข้าไปตรวจในห้องของนายจ้างที่อ้างว่าถูกลักทรัพย์ไป แต่ก็ไม่มีร่องรอยใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ในส่วนคดีของ น.ส.ประภาวรรณ รวมถึงคดีอื่น ๆ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็ได้ให้ความสนใจในการเปิดคดีเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้พา น.ส.ประภาวรรณ ไปให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามแล้ว และมีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อนายจ้าง ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ ซึ่งพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รับเรื่องแจ้งร้องทุกข์ไว้แล้ว
จากนี้เราก็จะนำพยานในคดีอื่น ๆ ที่เคยถูกนายจ้างแจ้งความในลักษณะเดียวกันมาให้ปากคำถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่าทรัพย์สินที่ถูกกล่าวอ้างว่าสูญหายไปนั้นเป็นจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงก็จะต้องถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาในคดีอื่น ๆ ทางเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก็จะได้ให้ความช่วยเหลือ และพร้อมจะร่วมเป็นพยานให้ด้วย
ทั้งนี้หากความจริงปรากฏว่า น.ส.ประภาวรรณ และพ่อแม่เป็นผู้บริสุทธิ์ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามก็จะได้เร่งทำการสอบสวนพยานหลักฐานในคดีอาญา ส่วนเรื่องของทางแพ่ง เราก็สามารถเรียกค่าเสียหายไปกับคำฟ้องในคดีอาญาได้เลย
เมื่อถามถึงเหตุจูงใจที่นายจ้างทำเช่นนั้น ถ้าพูดตามลักษณะของรูปคดีแล้วมันต้องมีเหตุจูงใจในการแจ้งความ เช่น น้องไปรู้ความลับหรือไม่อย่างไร เมื่อรู้แล้วไม่ปฏิบัติตามนายจ้างก็มีวิธีดำเนินการใด ๆ กับน้องหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ตนเชื่อว่าต้องมีเหตุจูงใจแน่นอน ส่วนจะเป็นประเด็นไหนนั้น กองปราบปรามกำลังเร่งสอบสวนอยู่
สำหรับสภาพจิตใจของ น.ส.ประภาวรรณ ในตอนนี้ก็ดีมาก ได้รับกำลังใจจากพี่ ๆ สื่อมวลชนและผู้ใช้เฟซบุ๊ก ตลอดจนผู้ดำเนินรายการทุกรายการที่ไปออกอากาศ สังคมได้เห็นข้อเท็จจริงทั้งเรื่องฐานะความเป็นอยู่และผลการเรียนของน้องแล้ว ซึ่งหน่วยงานรัฐก็จะเข้ามาช่วยเหลือ เจ้าตัวก็พร้อมที่จะสู้ และขณะนี้ น.ส.ประภาวรรณ ก็ได้เข้าไปรายงานตัวยังมหาวิทยาลัยที่สอบได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภาพจาก thaich2
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
thaich2