ขนส่งจับมือตำรวจ จัดระบบตรวจใบสั่งค้างชำระ แท็กซี่บรรทุกผู้โดยสารทั้งคันไม่เกิน 5 คน รวมคนขับ กำหนดให้มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ฝ่าฝืนปรับ 500 บาท
จากกรณีที่ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) สั่งห้ามต่อภาษี หากไม่จ่ายค่าปรับ ส่วนคนขับและผู้โดยสารรถยนต์ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย (อ่านข่าว บิ๊กตู่ ใช้ ม.44 สั่งห้ามต่อภาษี หากไม่จ่ายค่าปรับ-คนนั่งรถยนต์ต้องคาดเข็มขัด)
วันที่ 24 มีนาคม 2560 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ท. วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมกับนายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก และตัวแทนจากธนาคารกรุงไทย ระบุถึงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญออกมา 2 ฉบับ ซึ่งในฉบับที่ 14 มี 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
1. การยกรถที่กีดขวางการจราจร ซึ่งผู้ที่ถูกยกรถจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการยกและการเก็บรักษานั้นด้วย
2. บังคับใช้เข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ส่วนกรณีรถกระบะหรือรถโดยสารรุ่นเก่า กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อให้ทันบังคับใช้ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ส่วนรถแท็กซี่หากคนขับไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ต้องร่วมกันจ่ายค่าปรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร
3. ผู้กระทำความผิดละเมิดกฎจราจร เมื่อได้รับใบสั่งแล้วไม่ได้ไปชำระค่าปรับภายใน 15-30 วัน ก็จะไม่อนุญาตให้ต่อภาษีประจำปีให้
คำสั่ง คสช. ที่ออกมานี้จะไม่มีผลต่อใบสั่งที่ออกก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ จากสถิติพบว่า ใบสั่งที่ออกมาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 จนถึงปัจจุบัน ทั้งหมด 6.8 แสนใบ มีผู้ไปชำระ 11% ยังไม่ได้ชำระ 86% และใบสั่งที่ยกเลิกไป 2% ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจกรมการขนส่งทางบกในการตรวจสอบเรื่องการค้างชำระ ซึ่งอาจจะเพิ่มอำนาจในการตรวจสอบส่วนนี้ และการรับชำระค่าปรับ คาดว่า 1 เดือนจะทราบผล
ระหว่างนี้ผู้ที่ค้างชำระค่าปรับตามที่กฎหมายบังคับ สามารถดำเนินการให้ถูกต้องกันได้ ทั้งนี้ จะปรับรูปแบบใบสั่งให้ทันสมัย ชัดเจนมากขึ้น และยังสามารถระบุฐานคะแนนที่ถูกตัดแต้มจากการกระทำผิดด้วย หากถูกตัดคะแนนเกิน 60 คะแนน จะต้องเข้าอบรม แต่หากไม่ถูกตัดคะแนนเลยอาจมีการยกย่องทางวินัย
สำหรับขั้นตอนการชำระเงินแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ
1. ชำระเงินกับสถานีตำรวจ
2. ชำระเงินผ่านทางไปรษณีย์หรือธนาคาร
3. ชำระที่นายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกได้
ด้าน นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวถึงกรณีไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ตามมาตรา 44 ว่า
กลุ่มที่ 1 สำหรับรถยนต์นั่งบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2531 ถึง 31 มกราคม 2555 และรถแท็กซี่ ที่นั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า ต้องมีและคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนรถแท็กซี่ ที่จดทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 กำหนดให้มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
กลุ่มที่ 2 สำหรับรถตู้ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ต้องมีและใช้เข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
กลุ่มที่ 3 รถกระบะ ในส่วนของผู้ขับขี่และคนนั่งด้านหน้า ต้องมีและใช้เข็มขัดนิรภัย ยกเว้น รถสองแถว รถกระบะมีแค็บ และรถสามล้อเครื่อง ที่บังคับเฉพาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เนื่องจาก ไม่เหมาะแก่การติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเพิ่มเติม
กลุ่มที่ 4 รถบรรทุก บังคับให้มีและใช้เข็มขัดนิรภัยที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
กลุ่มที่ 5 รถโดยสาร หมวด 2 และ หมวด 3 ไม่เกิน 20 ที่นั่ง ที่วิ่งระหว่างกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด และวิ่งระหว่างจังหวัด รวมถึงรถบัสขนาดใหญ่ที่วิ่งในมหาวิทยาลัย จะบังคับให้มีและใช้เข็มขัดนิรภัยที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า รวมทั้งมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง โดยจะให้มีผลบังคับใช้ภายใน 30 วัน
ส่วนกรณีรถแท็กซี่ อนุญาตให้บรรทุกผู้โดยสารทั้งคันไม่เกิน 5 คน รวมคนขับ โดยทุกที่นั่งต้องมีและใช้เข็มขัดนิรภัย หากฝ่าฝืนคนขับจะมีความผิดฐานยินยอม ส่วนผู้โดยสารจะมีความผิดฐานไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ปรับคนละไม่เกิน 500 บาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์ให้มีการติดตั้งให้ครบทุกที่นั่ง ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะดำเนินการก่อนช่วงเทศสงกรานต์ เพื่อลดอุบัติเหตุ
ภาพและข้อมูลจาก