x close

หนุ่มไม่อยากเป็นพ่อคน ใช้มีดแทงท้องแฟนไม่ยั้ง ก่อนซ่อนศพจนไม่มีใครหาเจอ


หนุ่มไม่อยากเป็นพ่อคน

         เปิดคดีฆาตกรรมสุดสลด ชายหนุ่มไม่อยากเป็นพ่อคน ลงมือฆ่าแฟนสาวอย่างเลือดเย็น ใช้มีดแทงท้อง 20 กว่าครั้ง ก่อนนำศพไปซ่อน จนตอนนี้แม้เจ้าตัวจะถูกจับ ก็ยังหาศพไม่พบ

         เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2560 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยรายงานเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ ระบุว่า คาร์ลี สก็อตต์ หรือ ชาร์ลี หญิงสาววัย 27 ปี ถูก สตีเว่น คาโปเบียนโก อดีตแฟนหนุ่มวัย 24 ปี ล่อลวงไปฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น ใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่ท้องของเธอไม่ยั้งจนถึงแก่ชีวิต ก่อนจะนำศพของเธอไปซ่อน
         เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ ปี 2552 เมื่อชาร์ลีเริ่มคบหากับสตีเว่น โดยทั้งคู่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันที่ย่านมากาวาว บนเกาะเมาวี รัฐฮาวาย สหรัฐฯ แต่สตีเว่นกลับสร้างความช้ำใจให้กับชาร์ลี ด้วยการบอกกับเพื่อน ๆ ว่า เธอเป็นแค่เพื่อนร่วมห้อง และไม่ยอมถ่ายรูปคู่กับเธอ จนกระทั่งเลิกรากันในที่สุด

         หลังจากชาร์ลีเลิกกับสตีเว่น ฝ่ายชายได้ไปคบหากับผู้หญิงคนใหม่ แต่ยังคงแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชาร์ลีอยู่ แม้ว่าจะรู้ว่าเขาไม่รัก ไม่ได้แคร์เธอ อยากเจอเธอเพียงเพราะเรื่องเซ็กส์ แต่ชาร์ลีเองก็ยอมไปหาเขาทุกครั้ง เพราะยังรักเขาที่ไม่เคยเป็นอดีตสำหรับเธอ

         จนกระทั่งชาร์ลีเกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา ตัวเธอเองรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้เป็นแม่คน และเฝ้ารอวันที่ลูกจะได้คลอดออกมา และยังได้ตั้งชื่อลูกไว้ให้ล่วงหน้าว่า โจชัว ซึ่งตรงกันข้ามกับสตีเว่นอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ยอมรับที่จะเป็นพ่อของลูกในท้องของชาร์ลี ต้องการให้เธอไปทำแท้ง แต่เธอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

         กระทั่งวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557 ชาร์ลีได้รับโทรศัพท์จากสตีเว่น บอกว่ารถของเขาเสียติดอยู่ที่คูน้ำ ขอให้เธอไปช่วยเหลือ เมื่อทราบเช่นนั้น ชาร์ลีที่กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือนก็ไม่รีรอ รีบขับรถออกไปกับเจ้าตูบ นาลา สัตว์เลี้ยงของเธอ และหลังจากนั้นเธอก็ไม่กลับมาอีกเลย

         วันต่อมา ทางครอบครัวจึงไปแจ้งความว่าชาร์ลีหายตัวไป โดยทางสตีเว่น ยอมรับว่าชาร์ลีไปช่วยเหลือเขาจริง โดยได้ช่วยซ่อมสายแบตเตอรี่ และช่วยเขานำรถขึ้นมาจากคูได้สำเร็จ จากนั้นเธอก็ขับรถตามรถของเขาไป เผื่อว่าจะตกคูน้ำอีก เขายังเห็นไฟจากรถเธอส่องสว่างก่อนจะหายไป ซึ่งเขาเข้าใจว่าเธอกลับไปถึงบ้านอย่างปลอดภัย

         ในตอนแรกทุกคนคิดว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับชาร์ลี ทางครอบครัวและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงช่วยกันออกตามหา ก่อนจะพบเจอเจ้านาลา สุนัขที่ติดรถไปกับเธอ ถูกทิ้งให้เดินเตร็ดเตร่อยู่ที่บริเวณหนึ่ง อาการของมันปลอดภัยดี และหลังจากนั้น 2-3 วัน ก็พบรถเอสยูวีของชาร์ลีถูกเผาอยู่ในเขตพื้นที่ชนบท เป็นเหตุให้เชื่อว่าเธอน่าจะถูกฆาตกรรม

         สวีเว่นถูกควบคุมตัวไปสอบสวนอีกครั้ง เนื่องจากเป็นบุคคลสุดท้ายที่พบชาร์ลี โดยรายงานของเจ้าหน้าที่เผยว่า พบพิรุธคือ เขาใช้คำอ้างถึงชาร์ลีเป็นอดีต (past tense) ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเธอเสียชีวิตแล้ว และเมื่อถามว่าเขาดีใจเรื่องที่ชาร์ลีกำลังตั้งท้องหรือไม่ เขาก็ยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจอะไร โดยสตีเว่น เผยว่า มันไม่ใช่แผนชีวิตที่เขาวางไว้ในขณะอายุ 24 ตอนนี้

         ทางครอบครัวที่ติดใจสงสัยกับเรื่องนี้ได้พยายามหาหลักฐานเพิ่มเติม กระทั่งพี่สาวของชาร์ลี พบกระโปรงที่เปื้อนเลือดของชาร์ลี รวมทั้งชุดชั้นในของเธออยู่ในพื้นที่รกร้างห่างไกลบริเวณถนนสายหลัก จากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว ก็พบชิ้นส่วนร่างกายของชาร์ลี ได้แก่ กระดูกขากรรไกร เส้นผมสีแดงและชิ้นส่วนปลายนิ้ว ซึ่งภายหลังผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบพบว่า บาดแผลของชาร์ลีน่าจะเกิดจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีคมหรือมีด แทงเข้าจากชั้นเนื้อไปถึงกระดูก

         เมื่อได้ทราบข้อมูลดังกล่าว ทางครอบครัวก็หมดหวังว่าชาร์ลีและลูกน้อยในท้องของเธอ จะยังคงมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ ทางหน่วยสืบสวนยังพบว่า เสื้อผ้าที่เป็นรอยฉีกขาด คล้ายกับตัวที่สตีเว่นใส่ ในวันที่ชาร์ลีไปหาเขาแล้วหายตัวไป

หนุ่มไม่อยากเป็นพ่อคน

         ภายหลังจากการรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ในเดือนกรกฎาคม 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าจับกุมสตีเว่น แม้ว่าจะยังไม่เจอศพของชาร์ลี แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ประกาศว่า ชาร์ลีได้เสียชีวิตแล้ว โดยที่สตีเว่น ตกเป็นผู้ต้องหาในการฆาตกรรมชาร์ลี ขณะที่เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

         จากการพิจารณาคดีในปี 2559 สำนวนการฟ้องร้องคดีดังกล่าว เผยว่า หลักฐานที่พบบนกระโปรงของชาร์ลี มีรอยมีดแทงบริเวณใต้ขอบเอว ซึ่งตรงกับจุดที่เป็นครรภ์ของเธอ จำนวนมากกว่า 20 ครั้ง ชี้ให้เห็นว่า มีเพียงสตีเว่นคนเดียวที่มีแรงจูงใจในการก่อเหตุ เพราะเขาไม่ต้องการจะเป็นพ่อ หากเป็นคนอื่นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำร้ายที่บริเวณท้อง

         ภายหลังจากการพิจารณาคดีนาน 6 เดือน รวมไปถึงการประชุมปรึกษาคดีของศาล 3 สัปดาห์ คำตัดสินของคณะลูกขุนเป็นเอกฉันท์ ตัดสินให้สตีเว่นมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนและลอบวางเพลิง จากการเผารถยนต์ของชาร์ลี


         โดยศาลระบุว่า คดีดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้าย โหดเหี้ยมและอำมหิต เห็นสมควรให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีการผ่อนผันโทษ โดยผลคำพิพากษาคดีดังกล่าวออกมาเมื่อเดือนมีนาคม 2560 เป็นอันปิดคดีการฆาตกรรมที่สลดและสะเทือนใจที่สุดของรัฐเท่าที่เคยเกิดขึ้น

         ด้านครอบครัวของชาร์ลีต่างรู้สึกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ทางครอบครัวเผยว่า ชาร์ลีเป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เธอมีอารมณ์ขัน ชอบทำให้คนอื่นหัวเราะอยู่เสมอ เป็นคนร่าเริงสดใส ชอบทำสีผม ชอบแต่งตัว ชอบเรียกแทนตัวเองว่ายูนิคอร์น นอกจากนี้เธอยังมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ชอบให้คำแนะนำปรึกษาคนอื่น ๆ แต่กระทั่งเมื่อเธอมารู้จักและคบกับสตีเว่น เธอกลับกลายเป็นเหมือนคนตาบอด เธอมักจะปกป้องเขาเสมอ แต่สุดท้ายเธอกลับมาถูกคนที่เธอรักฆ่าอย่างเลือดเย็น เพราะไม่อยากเป็นพ่อของลูกเธอ พรากชีวิตที่รักของครอบครัวไปถึง 2 ชีวิตด้วยกัน

         สำหรับสิ่งที่ทรมานหัวใจของครอบครัวมากที่สุดตอนนี้ก็คือ การหาร่างของชาร์ลีไม่พบ พวกเขาต้องการนำดวงวิญญาณของเธอและลูกชายกลับบ้าน ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะตามหาศพของลูกสาวแม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 2 ปีแล้วก็ตาม

ภาพจาก Maui Police Department, เฟซบุ๊ก Find Charli Scott

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หนุ่มไม่อยากเป็นพ่อคน ใช้มีดแทงท้องแฟนไม่ยั้ง ก่อนซ่อนศพจนไม่มีใครหาเจอ อัปเดตล่าสุด 27 มิถุนายน 2560 เวลา 12:50:09 40,771 อ่าน
TOP