ชายจีนแช่แข็งศพภรรยาป่วยมะเร็ง ฝากความหวังกับอนาคต ที่จะชุบชีวิตเธออีกครั้งด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า แม้เป็นเพียงความหวัง แต่ก็มุ่งมั่นรอวันนั้นมาถึง วันที่ 14 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์เซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า นายกุ้ย จูหมิง ชายจีนรายหนึ่งได้ตัดสินใจมอบร่างของภรรยาที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอด ให้เข้าร่วมโครงการแช่แข็งร่างกับสถาบันวิจัยในมณฑลซานตง ด้วยความหวังว่าความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและการแพทย์ในอนาคต อาจช่วยรักษาภรรยาและทำให้เธอฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง
โดยร่างของ
นางจาน เวินเหลียน ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2560
ขณะมีอายุ 49 ปี ได้ถูกส่งเข้ารับการแช่แข็งกับสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ซานตง อินเฟิง ไลฟ์ ในทันทีเมื่อเธอสิ้นลมหายใจ
สำหรับกระบวนการแช่แข็งนั้นใช้เวลาถึง 55 ชั่วโมง
ภายใต้ความร่วมมือระหว่างนักวิจัยของสถาบัน
พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยซานตง และมูลนิธิจากสหรัฐฯ
ร่างของเธอจะถูกเก็บรักษาอยู่ภายในถังไนโตรเจนเหลวขนาด 2,000 ลิตร
โดยมีอุปกรณ์ช่วยพยุงชีพ เพื่อรักษาระบบการทำงานสำคัญในร่างกายของเธอ
แม้ว่ากระบวนการแช่แข็งศพจะเป็นไปได้แล้วในยุคนี้
แต่ยังไม่มีสิ่งใดการันตีว่าจะสามารถกู้ชีวิตแก่ผู้ที่ถูกแช่แข็งได้
ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่กลายเป็นความหวังที่ฝากไว้กับอนาคต สำหรับนายกุ้ย
จูหมิง เขาเชื่อมั่นว่าการปลุกผู้ตายให้ฟื้นคืนชีพนั้นสามารถทำได้ในอนาคต
เขาหวังว่าเทคโนโลยีในวันข้างหน้าจะสามารถรักษาโรคของภรรยาได้
และหากวันนั้นมาถึงเขาก็จะปลุกเธอกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งนี้พบว่าทั่วโลกมีคนไม่ต่ำกว่า
300 คนที่ถูกแช่แข็งศพในลักษณะนี้ แต่นางจาน เวินเหลียน
เป็นชาวจีนรายแรกที่ถูกแช่แข็ง
อย่างไรก็ตามกระบวนการดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายมหาศาล โดยต้องใช้เงินถึง 2
ล้านหยวน (ราว 9.9 ล้านบาท) ในการแช่แข็งศพ และต้องใช้เงินอีกปีละ 5
หมื่นหยวน (ราว 2.4 แสนบาท) ในการเติมไนโตรเจนเหลวเพื่อรักษาสภาพศพ
ซึ่งนายกุ้ย จูหมิง ปฏิเสธที่จะเผยถึงค่าใช้จ่ายในการแช่แข็งศพของภรรยา
แม้จะมีรายงานบางแห่งชี้ว่าเขาได้รับทุนส่วนมากจากมูลนิธิ
ในขณะที่แช่แข็งร่างของภรรยาไปกว่า
3 เดือนแล้ว นายกุ้ย จูหมิง
ยังมีแผนที่จะแช่แข็งร่างของตัวเองเมื่อเขาสิ้นใจแล้วด้วย
เพื่อให้ตัวเองยังคงอยู่เคียงคู่กับภรรยาได้
ในวันที่เธอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ภาพจาก
qianzhan