อดีตนักศึกษาแสบ ปลอมเอกสารแม่ค้าข้าวไปค้ำประกันเงินกู้ กยศ. หมายศาลถึงบ้านโดนทวงเงินกว่า 2 แสน
สืบเนื่องจากกรณีที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jibf Khanpak ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ เล่าเรื่องว่าคุณแม่ของเธอถูกอดีตนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แอบนำสำเนาบัตรประชาชนไปกู้เงินกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เมื่อปี พ.ศ.2549 และ พ.ศ. 2550 นอกจากจะแอบอ้างเอาเอกสารแล้วยังปลอมลายเซ็นอีกด้วย จนเวลาผ่านไปกว่า 10 ปี นักศึกษาหนุ่มไม่ยอมชดใช้ คุณแม่ของเธอก็ได้รับหมายศาลถึงบ้าน จนกลายเป็นเรื่องราวที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักไปทั่วโลกออนไลน์
สืบเนื่องจากกรณีที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jibf Khanpak ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ เล่าเรื่องว่าคุณแม่ของเธอถูกอดีตนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แอบนำสำเนาบัตรประชาชนไปกู้เงินกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เมื่อปี พ.ศ.2549 และ พ.ศ. 2550 นอกจากจะแอบอ้างเอาเอกสารแล้วยังปลอมลายเซ็นอีกด้วย จนเวลาผ่านไปกว่า 10 ปี นักศึกษาหนุ่มไม่ยอมชดใช้ คุณแม่ของเธอก็ได้รับหมายศาลถึงบ้าน จนกลายเป็นเรื่องราวที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักไปทั่วโลกออนไลน์
ครอบครัวจึงปรึกษากันและคาดว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2549 ที่ทางบ้านเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งในช่วงนั้นมีนักศึกษามาทานอาหารที่ร้านเป็นจำนวนมาก ทั้งยังสั่งข้าวกล่องในช่วงรับน้องด้วย ซึ่งน้องหลายคนก็จะมีการขอสำเนาบัตรประชาชน เพื่อเป็นหลักฐานในการเบิกเงินกับทางมหาวิทยาลัย มาจ่ายให้กับคุณแม่ด้วย น.ส.พัชรินทร์ กล่าว
น.ส.พัชรินทร์ บอกต่อว่า หลังจากได้รับหมายศาลก็ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย และขอตรวจสอบข้อมูลกับทางมหาวิทยาลัยจนทราบว่า เมื่อปี 2549 ขณะที่นายสิทธิพงศ์ เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 ได้กู้เงิน กยศ. โดยในเอกสารระบุว่า คุณแม่ของตนเป็นผู้ค้ำประกัน และมีนายสมานเป็นคู่สมรส ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณพ่อของตนชื่อนายจำรัส และยังมีการกู้เงินอีกครั้งในปี 2550 ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง มีการปลอมลายเซ็น และเอกสารที่ใช้กู้เงินก็ไม่มีเอกสารการเปลี่ยนชื่อของคุณแม่ ทั้งยังไม่มีการรับรองเอกสารจากผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากผู้กู้และผู้ค้ำประกันนั้น ไม่ได้เป็นญาติกัน หลังจากนั้นนายสิทธิพงศ์ ก็ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนจนถูกพ้นสภาพนักศึกษาไป และไม่เคยชำระเงินที่กู้มาเลยแม้แต่บาทเดียว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 กันยายน ครอบครัวได้เดินทางไปศาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ตามที่ศาลนัด แต่นายนายสิทธิพงศ์กลับไม่มา ตนจึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงในเฟซบุ๊กซึ่งก็มีชาวเน็ตหลายรายที่เจอนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นแอบอ้างเช่นเดียวกับบ้านตน นอกจากนี้ เพื่อนของนายสิทธิพงศ์ก็ส่งข้อมูลมาให้ว่าเขาย้ายบ้านไปอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ มีภรรยาและลูกแล้ว แต่เมื่อทนายตนติดต่อไปกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดคุย อย่างไรก็ตามครอบครัวจะสู้คดีให้ถึงที่สุด และหวังว่าจะเป็นรายเดียว หรือรายสุดท้ายที่เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น และยังหวังว่านายสิทธิพงศ์จะออกมาชดใช้ ทั้งนี้อยากให้เขาคิดว่าหากอนาคตลูกของเขาต้องเจอแบบที่บ้านตนต้องเจอจะเป็นยังไง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Jibf Khanpak
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก