เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560 มีรายงานว่า น.ส.นภัสศรณ์ สังข์สวัสดิ์ และ น.ส.เบญจวรรณ ทำเนาว์ ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์นิวส์ เพื่อขอความช่วยเหลือและติดตามความคืบหน้าคดีความกับทางร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง หลังจากที่ทั้งคู่ไปรับประทานอาหารที่ร้านแล้วโดนแก๊สระเบิดใส่จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งพวกเธอได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมและแจ้งความแล้ว ทางร้านบอกจะรับผิดชอบค่าเสียหายในตอนแรก แต่กลับชดเชยเป็นเงินจำนวนน้อย และไม่ติดต่อกลัมมาอีก
เหตุดังกล่าวทำให้ น.ส.เบญจวรรณ ได้รับบาดเจ็บจากไฟลวกและน้ำร้อนลวกหลายแห่ง ตั้งแต่ใบหน้า แขนสองข้าง และขาขวา ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 วัน และต้องหยุดงานเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ส่วน น.ส.นภัสศรณ์ ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดหลายแห่ง ต้องเย็บแผลที่ศอกข้างซ้าย 5 เข็ม และแผลบริเวณท้องอีก 3 เข็ม นอกจากนี้ยังมีแผลไฟไหม้ที่ใบหน้า แขนซ้าย และมือขวา ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 วัน และหยุดงานอีก 20 วัน
หลังเกิดเรื่องผู้เสียหายทั้งคู่ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ศรีมหาโพธิ นอกจากนี้ยังได้ไปร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และศูนย์ดำรงธรรม จ.ปราจีนบุรี จนกระทั่งตอนนี้เวลาผ่านไป 2 เดือนแล้ว ยังคงไม่มีความคืบหน้า และไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ กลับมา พอผู้เสียหายติดต่อกลับไป ก็ได้คำตอบแค่ว่ารอสืบสวน ส่วนทางศูนย์ดำรงธรรมก็บอกว่าให้รอเอกสารชี้แจงซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 15-30 วัน ผู้เสียหายทั้งสองจึงขอร้องเรียนผ่านสื่อ เพื่อช่วยติดตาม
ในกรณีนี้ หากผู้ร้องเรียนและเจ้าของร้านสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ ก็เป็นไปตามข้อไกล่เกลี่ย แต่ถ้าไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ทางอนุกรรมการ สคบ.จะมีการประชุมกันว่าจะต้องทำเรื่องไปถึง สคบ.ส่วนกลางหรือไม่ เพื่อให้ทาง สคบ. ส่วนกลางทำเรื่องฟ้องร้องกับทางร้านต่อไป ทั้งนี้ทราบว่าผู้ร้องเรียนได้ทำการแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ ซึ่งเบื้องต้นทางผู้ร้องเรียนทั้งสองได้เรียกร้องค่าชดเชย โดยน.ส.เบญจวรรณ เรียกค่าชดเชย 500,000 บาท ส่วนน.ส.นภัสสร เรียกค่าชดเชย 300,000 บาท
ด้าน พ.ต.อ. นาวิน สินธุรัตน์ ผู้กำกับ สภ.ศรีมหาโพธิ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรับเรื่องไปดำเนินการแล้ว โดยมีการเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาตกลงกัน ในเรื่องการชดใช้ค่าสินไหมหรือค่าเสียหาย ซึ่งทางเจ้าของร้านก็ได้มีการชดใช้ไปแล้วในบางส่วน แต่ทั้งนี้ข้อตกลงยังไม่ยุติ เนื่องจากผู้เสียหายทั้งสองได้เรียกร้องเงินจำนวนหนึ่งกับทางร้าน ซึ่งยังไม่สามารถตกลงกันได้ ส่วนในด้านการสอบสวน ได้มีการเชิญตัวเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือผู้จำหน่ายมาสอบปากคำแล้ว พร้อมกับส่งชิ้นส่วนไปให้ทางผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดูว่าผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานหรือไม่
หลังจากนั้นพวกตนจึงไปแจ้งความเพื่อให้ตำรวจเรียกเจ้าของร้านมาพูดคุย แต่เจ้าของร้านก็พยายามโยนให้ทนายเป็นฝ่ายพูดคุยแทน ความจริงแล้ว ถ้าหากเจ้าของร้านติดต่อพูดคุยกับพวกตนโดยตรง ก็จะไม่มีการแจ้งความ ส่วนเรื่องเงินก็จะเรียกร้องตามความเหมาะสมกับการรักษา ซึ่งมันไม่ใช่แค่ให้ 20,000-50,000 บาท แล้วจบเรื่อง
เมื่อผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ พยายามโทร. ติดต่อกับทางเจ้าของร้านดังกล่าว ก็ได้รับคำตอบมาเพียงแค่ว่า ทางร้านได้ชดเชยให้ไปแล้วบางส่วน และได้ปรับปรุงรูปแบบการให้บริการ โดยเปลี่ยนจากแก๊สกระป๋องมาเป็นใช้ถ่านแทนแล้ว และก็บอกว่า ตอนนี้กำลังติดงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เดี๋ยวจะติดต่อกลับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
ภาพและข้อมูลจาก workpointnews