ยังเป็นเรื่องราวคาราคาซัง ยืดเยื้อมานานข้ามปี สำหรับกรณีการชิงหวย 30 ล้าน ระหว่างครูปรีชา ใคร่ครวญ และ ร.ต.ท. จรูญ วิมูล ที่ก่อนหน้านี้ครูปรีชาได้เผยว่ามีพยานรายใหม่ ที่จัดว่าเป็นพยานเด็ด เพราะเห็นเหตุการณ์ที่ครูปรีชาทำหวยหล่น (อ่านข่าว : พยานเยอะสุด ! ครูปรีชา เผยมีพยานเด็ดมาช่วย เห็นตอนทำหวยหล่น)
ล่าสุด (7 เมษายน 2561) มีการเปิดเผยว่า ขณะนี้จากการรวบรวมพยานของฝั่งครูปรีชามีไม่เกิน 10 ปาก รวมถึงมีพยานรายใหม่ซึ่งเป็นพยานบุคคลและเป็นพยานที่ไม่เคยให้การในสำนวน โดยนายแผน พร้อมด้วย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และนายเกียรติคุณ ต้นยาง ทนายความของนายแผน ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน
โดย ดร.สุกิจ ระบุว่า นายแผนมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดเกินไป จึงยังไม่ให้การ จะเข้ามาให้ปากคำอีกครั้งในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (9 เมษายน) ส่วนที่เดินทางมาก่อนวันนี้ เพราะกลัวว่าจะผิดคำพูด จึงได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้กับเจ้าหน้าที่ว่า เดินทางมาตามนัดแล้วและไม่ได้หลบหนีไปไหน
การมาให้ปากคำเพิ่มเติมเป็นการให้ปากคำในฐานะผู้ต้องหาคดีให้การเท็จ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลได้ แต่เท่าที่คุยกับนายแผน ยังยืนยันคำให้การเดิม และนายแผนยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาฐานให้การเท็จ เพราะหากรับสารภาพก็คงติดคุก ทั้งนี้นายแผนไม่ได้เป็นคนเห็นหมวดจรูญก้มเก็บลอตเตอรี่ แต่เห็นตอนที่หมวดจรูญหยิบลอตเตอรี่มาดู
ส่วนกรณีที่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิการบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เคยกล่าวไว้ว่าการเปิดพยานในชั้นศาลของครูปรีชา ที่ยังไม่ได้เปิดในชั้นสอบสวน แต่จะนำมาเปิดชั้นศาล อาจจะทำให้พยานไม่มีน้ำหนักนั้น นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา บอกว่า เป็นความเห็นของนายปรเมศวร์ เขาไม่ใช่ศาล ตนก็เคารพความเห็นของครู อาจารย์ ก็ขอบคุณนายปรเมศวร์ด้วย เพราะจะได้ทำให้ตนนำพยานตัวจริงมาเท่านั้นในการขึ้นศาล
ซึ่งหากฟังในสิ่งที่พยานพูดแล้วจะทำให้รู้เลยว่าเขารู้เห็นจริง เป็นพยานที่เป็นชาวบ้าน และพยานเหล่านี้ก็ไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นกับฝ่ายใด ตนเชื่อมั่นในพยานมาก และไม่กังวลเรื่องของน้ำหนักเพราะน้ำหนักนั้นจะอยู่ที่พยานรู้เห็นจริงหรือไม่ และพยานที่ตนนำมาเป็นของจริงที่รู้เห็นหมด แต่ที่ไม่ออกมาตั้งแต่แรก เพราะเขาเป็นชาวบ้านกลัวจะมีปัญหา
ส่วนที่มาของพยานใหม่ไม่เกิน 10 คน ตนได้ทำการสืบในทางลับ พบว่า มีผู้ให้ข้อมูลจำนวนมาก แต่ตนได้คัดเลือกเฉพาะพยานหลัก ๆ เท่านั้น ฝ่ายตรงข้ามสามารถซักค้านพยานที่ตนนำมาใหม่ได้ แต่ซักให้แตกก็แล้วกัน หลังจากนี้ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายก็จะทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ต่อไป และตนจะไม่ถอนตัวจากคดีนี้แน่นอน
ด้าน ครูปรีชา ก็เปิดเผยว่า พยาน 10 ปากนี้ ไม่ได้เป็นพยานที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนมาก่อน แต่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 31 ตุลาคม 2560 และทนายความของตนลงพื้นที่ไปสืบพยานมาเอง ส่วนตัวยังไม่เห็นว่ามีใครบ้าง และยังไม่ทราบว่าแต่ละคนรู้จักกันหรือไม่
ทั้งนี้ยังไม่ขอระบุว่าพยานเป็นหญิงหรือชาย แต่ที่มาช่วยตนเพราะเห็นว่าตนเป็นคนซื้อจริง หล่นจริง และหายจริง อีกทั้งเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายเรื่อง พยานบางคนรู้สึกเห็นใจและสงสารตน เพราะตนต้องมาตกอยู่ในฐานะจำเลย ทั้งที่เป็นโจทก์
ส่วนกรณีที่ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์เฟซบุ๊กต่าง ๆ ตนมองว่าทนายของแต่ละฝ่ายก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ฉะนั้นคนที่จะรู้เรื่องจริงก็มีแค่ตนกับลุงจรูญ ส่วนข้อสังเกตเรื่องการตกแต่งพยาน ตนยืนยันว่า ไม่มีการตกแต่งพยานเพราะตกแต่งไม่ได้ ทุกอย่างต้องรู้จริง เห็นจริง และอยู่ในเหตุการณ์จริง
ด้าน เจ๊บ้าบิ่น เปิดเผยถึงกรณีที่ครูปรีชามีพยานเพิ่มใหม่ถึง 10 คนว่า ไม่ทราบว่าทั้งหมดเป็นใคร แต่พยานแต่ละคนแทบจะไม่รู้จักกันเลย ตนก็รู้จักเพียงแค่ เจ๊พัช กับ เจ๊เกียว ที่ตั้งแผงขายหวยในวันเดียวกันเท่านั้น ส่วนที่บอกว่าตนเป็นพยานปากสำคัญ ตนกับทนายความก็ไม่เคยมีใครพูดหรือให้สัมภาษณ์ว่าตนเป็นพยานที่จะพลิกคดีนี้