สาวคนขับรถเก๋งสีแดง เผยตอนนั้นตกใจถูกรถฉุกเฉินขับจี้ท้าย เพราะขับออกต่างจังหวัดครั้งแรก ยันไม่เจตนาขวาง แต่แค่หลบไม่ได้ ด้านแฟนหนุ่มคาดคู่กรณีตั้งใจโจมตี เหตุเคยมีปัญหากับต้นสังกัดรถฉุกเฉินคันดังกล่าว
ข่าวคลิปรถยนต์สีแดงวิ่งแช่เลนขวา ไม่หลบให้รถฉุกเฉิน ล่าสุด (10 เมษายน 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นางสาววรรณวิษา บวรเจิดพงศ์ เจ้าหน้าที่ประจำรถพยาบาลคันที่เกิดเหตุ เปิดเผยยอมรับว่า เหตุการณ์ของคุณลุงผู้เสียชีวิต ไม่ได้เข้าข่ายฉุกเฉิน เพราะลุงผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดมานานแล้ว มีอาการทรุดจนสมองตาย และญาติก็ได้ทำใจไว้แล้ว ซึ่งรถของตนเองเป็นหน่วยให้บริการรับ-ส่งผู้ป่วยตามนัดแพทย์ หรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกรณีที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ไม่สามารถดำเนินการได้
นางสาววรรณวิษา ยืนยันว่า ภายในรถมีเจ้าหน้าที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเดินทางไปด้วย ซึ่งวันที่เกิดเหตุรถคู่กรณีไม่ยอมหลบให้จริง ก่อนจะมารู้ในภายหลังว่ารถคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของทาง สพฉ. ด้วย ยิ่งเกิดเป็นคำถามว่า ถ้ารู้ว่าในรถมีคนป่วยอยู่ แล้วเหตุใดจึงไม่หลบให้ โดยระหว่างนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รถเบรกกะทันหัน จนทำให้ผู้ป่วยเกือบพลัดตกเตียงด้วย
ขณะที่ นายภาณุวัฒน์ ศรีเจริญ แฟนหนุ่มคนขับรถสีแดง เผยว่า ตนไม่ได้ขับแต่แฟนตนเป็นคนขับ ตอนนั้นตนนอนหลับมาในรถ ก่อนที่แฟนจะสะกิดให้ตื่น บอกว่ามีรถฉุกเฉินขับจี้ตามมาด้านหลัง ตอนนั้นตนก็มองดูเลนถนนทางด้านซ้าย พบว่าไม่สามารถเบี่ยงหลบให้ได้ จนไม่นาน เลนทางซ้ายโล่ง ตนจึงเปิดกระจกเพื่อจะโบกให้รถฉุกเฉินแซงออกไปทางซ้ายแทน ตอนนั้นตนก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือออกไปนอกรถมากนัก จนเห็นเป็นภาพเท้าข้อศอกที่ประตูรถ ตนยืนยันว่าไม่ได้เปิดเพื่อไปต่อว่าตามที่ถูกวิจารณ์ ตนทราบดีว่ารถฉุกเฉินคันนี้ไม่ใช่รถพยาบาล แต่เป็นของบริษัทเอกชน และจากการสังเกตจะเห็นว่าเขาพยายามขับจี้รถตนมา ซึ่งรถฉุกเฉินคันนี้ก็มีการแต่งเพิ่มความเร็วรถด้วย ไม่ใช่รถปกติ ใช้ความเร็วเกินกำหนด
ทั้งนี้ ตนก็อยู่ในวงการนี้ แล้วทำไมถึงจะไม่หลบให้ แต่แค่วันนั้นแฟนตนเป็นคนขับ เขาไม่ชินทาง ตนก็สงสัยว่าถ้าเป็นคนทั่วไป หากเจอเหตุการณ์นี้จะเลือกหยิบมือถือมาถ่ายคลิป หรือขับรถแซงออกไปเพื่อไปส่งคนไข้ ทั้งที่ทำได้ ตนเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะโจมตีตน เพราะเจ้าของบริษัทรู้จักกับตนแต่มีปัญหากัน
นายภาณุวัฒน์ ทิ้งท้ายว่า ตนก็ต้องขอโทษสังคมด้วย เพราะก็รู้ตัวว่ามีการใช้คำที่รุนแรงในโซเชียล แต่นั่นก็เพื่อต้องการที่จะปกป้องแฟนและครอบครัวของตน สุดท้ายตนขอยืนยันว่าพยายามที่จะหลบให้แล้ว รวมถึงต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวคุณลุงด้วย ตนไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ตนทำงานด้านนี้ย่อมรู้ดีว่าแค่ 1 วินาทีมันมีค่า แต่ก็ยังคาใจว่าทำไมรถฉุกเฉินถึงต้องขับจี้ขนาดนั้น ถ้าเกิดรถตนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะทำอย่างไร ตนยังไม่ขอตอบว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรกับชาวโซเชียลที่เข้ามาถล่มด่าตน รวมถึงครอบครัว ส่วนคู่กรณีเจ้าของคลิป ตนยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
ด้านนางสาวจิราพร จุ้ยเสงี่ยม คนขับรถสีแดง เผยทั้งน้ำตาว่า วันนั้นเป็นวันแรกที่ตนขับรถออกต่างจังหวัด ตนก็ตื่นเต้น เพราะเส้นภาคอีสานมีรถบรรทุกเยอะ ตนยืนยันว่าจังหวะที่ถูกรถฉุกเฉินตามหลังมานั้น ตนหาทางเบี่ยงไม่ได้จริง ๆ เพราะข้าง ๆ มีรถบรรทุกคันใหญ่อยู่ ตนจึงประคองอยู่ในเลนตัวเอง ตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก จึงปลุกแฟนกับลูกที่นอนหลับอยู่ขึ้นมา พร้อมยืนยันว่าที่เปิดกระจกรถนั้น ไม่มีเจตนาด่า แต่เปิดเพื่อต้องการจะบอกว่าให้แซงออกไป
นางสาวจิราพร เผยต่อว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่หลบให้รถฉุกเฉิน ตนทำงานอยู่วงการนี้ก็รู้ดี อยู่กับคนไข้มา แต่แค่ไม่เข้าใจว่าคนขับรถฉุกเฉินทำไมถึงต้องขับจี้แบบนั้น พอเป็นข่าวดังตนก็ตกใจมาก ถูกสังคมด่า ถูกตัดสินจากคลิปไม่กี่นาที ถ้าเกิดคู่กรณีเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับตน จะรู้สึกอย่างไร
ตนกลัวถูกไล่ออกจากที่ทำงาน เพราะกระแสสังคมแรงมาก แต่ก็คงต้องขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ใหญ่ในหน่วยงาน สพฉ. ที่ตนออกมาพูด ไม่ใช่การแก้ตัว แต่อยากจะขอความเมตตาบ้าง ข่าวนี้รุนแรงจนรับไม่ไหว
ภาพและข้อมูลจาก