นักธุรกิจเครื่องสำอางและสวนผลไม้ เข้าชี้ตัวคนบงการเรียกค่าไถ่ 5 ล้าน หลังถูกลวงซื้อ-ขายที่ดิน ก่อนถูกอุ้มรีดเงิน แต่หนีรอดมาได้
![เรียกค่าไถ่]( "เรียกค่าไถ่")
วันที่ 31 พฤษภาคม 2561 มีรายงานว่า นางสาวจิราณีย์ ไชยปุริวงศ์ อายุ 43 ปี นักธุรกิจเครื่องสำอางและสวนผลไม้ พร้อมด้วย นายยมนา แย้มคร้าม อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย ที่ถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อชี้ตัวผู้ต้องหา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ รวม 4 คน คือ นายกำปั่น ทอนเกาะ อายุ 51 ปี นายสมชาย มีสัตย์ อายุ 37 ปี นายกฤษฎา ประวิเศษ อายุ 45 ปี และนางสาวจิตรัตดา เห็นสีดา อายุ 39 ปี
ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2561 นางสาวจิราณีย์ ได้รับการติดต่อจากคนร้ายทำทีเข้ามาติดต่อขอซื้อที่ดินใน จ.จันทบุรี โดยนัดหมายพบเจอกันที่บ้านพักหลังหนึ่ง ใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี กระทั่งเมื่อผู้เสียหายเดินทางมาพบ กลับถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้เสียหายหาเงินมาให้จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อเป็นการไถ่ตัว โดยมีหัวหน้าขบวนการอีกคนคอยโทรศัพท์สั่งการ
![เรียกค่าไถ่]( "เรียกค่าไถ่")
แต่ทว่า นางสาวจิราณีย์ ทำทีออกอุบายขอเข้าห้องน้ำขณะที่คนร้ายพาตัวออกมาข้างนอก โดยบอกว่าจะพาไปฆ่าทิ้ง หลังพาตัวไปกดเงินออกมาให้ได้เพียง 100,000 บาท เพื่อขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีภายในร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จนสามารถหนีรอดมาได้ แต่คนร้ายได้หลบหนีไป ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้ให้การซัดทอดว่าได้รับการว่าจ้างจาก นายสุทธิโรจน์ ทอนเกาะ อายุ 48 ปี อดีตสามีของลูกจ้างนางสาวจิราณีย์ เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ก่อนที่นายสุทธิโรจน์ จะเดินทางเข้ามอบตัว เพื่อรับทราบข้อหาใช้ จ้างวาน ยุยงส่งเสริม หรือกระทำอื่นใด ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นได้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
![เรียกค่าไถ่]( "เรียกค่าไถ่")
อย่างไรก็ตาม นางสาวจิราณีย์ ผู้เสียหายที่เดินทางเข้าชี้ตัวในวันนี้ เปิดเผยว่า ตนเองสามารถจับเสียงนายสุทธิโรจน์ ผู้จ้างวานได้ เพราะมีการพูดคุยต่อรองกันในวันเกิดเหตุ รวมถึงเคยได้เห็นรูปนายสุทธิโรจน์ ในมือถือของผู้ต้องหา ในวันที่ถูกจับตัว ส่วนภรรยาของนายสุทธิโรจน์ ยังไม่มั่นใจว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
ภาพและข้อมูลจาก สวพ. FM91
วันที่ 31 พฤษภาคม 2561 มีรายงานว่า นางสาวจิราณีย์ ไชยปุริวงศ์ อายุ 43 ปี นักธุรกิจเครื่องสำอางและสวนผลไม้ พร้อมด้วย นายยมนา แย้มคร้าม อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย ที่ถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อชี้ตัวผู้ต้องหา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ รวม 4 คน คือ นายกำปั่น ทอนเกาะ อายุ 51 ปี นายสมชาย มีสัตย์ อายุ 37 ปี นายกฤษฎา ประวิเศษ อายุ 45 ปี และนางสาวจิตรัตดา เห็นสีดา อายุ 39 ปี
ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2561 นางสาวจิราณีย์ ได้รับการติดต่อจากคนร้ายทำทีเข้ามาติดต่อขอซื้อที่ดินใน จ.จันทบุรี โดยนัดหมายพบเจอกันที่บ้านพักหลังหนึ่ง ใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี กระทั่งเมื่อผู้เสียหายเดินทางมาพบ กลับถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้เสียหายหาเงินมาให้จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อเป็นการไถ่ตัว โดยมีหัวหน้าขบวนการอีกคนคอยโทรศัพท์สั่งการ
แต่ทว่า นางสาวจิราณีย์ ทำทีออกอุบายขอเข้าห้องน้ำขณะที่คนร้ายพาตัวออกมาข้างนอก โดยบอกว่าจะพาไปฆ่าทิ้ง หลังพาตัวไปกดเงินออกมาให้ได้เพียง 100,000 บาท เพื่อขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีภายในร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จนสามารถหนีรอดมาได้ แต่คนร้ายได้หลบหนีไป ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้ให้การซัดทอดว่าได้รับการว่าจ้างจาก นายสุทธิโรจน์ ทอนเกาะ อายุ 48 ปี อดีตสามีของลูกจ้างนางสาวจิราณีย์ เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ก่อนที่นายสุทธิโรจน์ จะเดินทางเข้ามอบตัว เพื่อรับทราบข้อหาใช้ จ้างวาน ยุยงส่งเสริม หรือกระทำอื่นใด ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นได้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม นางสาวจิราณีย์ ผู้เสียหายที่เดินทางเข้าชี้ตัวในวันนี้ เปิดเผยว่า ตนเองสามารถจับเสียงนายสุทธิโรจน์ ผู้จ้างวานได้ เพราะมีการพูดคุยต่อรองกันในวันเกิดเหตุ รวมถึงเคยได้เห็นรูปนายสุทธิโรจน์ ในมือถือของผู้ต้องหา ในวันที่ถูกจับตัว ส่วนภรรยาของนายสุทธิโรจน์ ยังไม่มั่นใจว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
ภาพและข้อมูลจาก สวพ. FM91
