DSI เด้ง "พิสิฐชัย" พ้นหน้าที่ตำแหน่งซี 8 เปิดทางกองคดีภาษีอากรสอบข้อเท็จจริง ปมโพสต์เฟซบุ๊ก คดีเงินทอนวัด
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ กรณี นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร ว่า จะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ เกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ทั้งวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ซึ่งการดำเนินคดีอาญาในเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ก่อนที่ต่อมาเจ้าตัวจะโพสต์ว่า เป็นความคลาดเคลื่อนเข้าใจผิดนั้น
ล่าสุด วันนี้ (11 มิถุนายน) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งให้ นายพิสิฐชัย พ้นหน้าที่จากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ โดยมีผลทันที และให้กองภาษีอากรเชิญผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือทางอาญาหรือไม่ แล้วรายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบโดยเร็ว
พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ล่าสุด ทางดีเอสไอไม่มีข้อมูลที่ตำรวจกองปราบปรามเรียกสอบปากคำนายพิสิฐชัย เมื่อวานนี้ และส่วนตัวไม่ได้มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนายพิสิฐชัยแต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่าสิ่งที่โพสต์นั้นจะมีเจตนาอย่างไรหรือไม่
ส่วนที่ผ่านมานายพิสิฐชัยจะมีการเปิดเผยข้อมูลในสำนวนคดีที่รับผิดชอบกับบุคคลอื่นหรือไม่นั้น ตนไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ ให้เป็นเรื่องของกองคดีภาษีอากรเป็นผู้ดำเนินการ โดยยืนยันจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ กรณี นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร ว่า จะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ เกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ทั้งวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ซึ่งการดำเนินคดีอาญาในเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ก่อนที่ต่อมาเจ้าตัวจะโพสต์ว่า เป็นความคลาดเคลื่อนเข้าใจผิดนั้น
ล่าสุด วันนี้ (11 มิถุนายน) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งให้ นายพิสิฐชัย พ้นหน้าที่จากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ โดยมีผลทันที และให้กองภาษีอากรเชิญผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือทางอาญาหรือไม่ แล้วรายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบโดยเร็ว
พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ล่าสุด ทางดีเอสไอไม่มีข้อมูลที่ตำรวจกองปราบปรามเรียกสอบปากคำนายพิสิฐชัย เมื่อวานนี้ และส่วนตัวไม่ได้มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนายพิสิฐชัยแต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่าสิ่งที่โพสต์นั้นจะมีเจตนาอย่างไรหรือไม่
ส่วนที่ผ่านมานายพิสิฐชัยจะมีการเปิดเผยข้อมูลในสำนวนคดีที่รับผิดชอบกับบุคคลอื่นหรือไม่นั้น ตนไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ ให้เป็นเรื่องของกองคดีภาษีอากรเป็นผู้ดำเนินการ โดยยืนยันจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
ภาพจาก Twitter @RDNewsCH3
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN