พ่อเชื่อลูกชายวัย 17 ซิ่ง จยย. หนีรถสายตรวจ จนไปชนรถกระบะเสียชีวิต พร้อมงัดภาพจากกล้องวงจรปิดเผยเห็นนาทีก่อนเกิดเหตุ ด้านคนขับกระบะ เผยผู้ตายขี่เร็วมาก คาดบิดถึง 140 ยัน หลังเกิดเหตุไม่มีรถไล่ตามมา
จากนั้น เมื่อรถจอดนิ่งแล้ว ตนจึงรีบลงไปดูคู่กรณีเพื่อจะช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และสังเกตว่าหลังจากที่น้องฟุตบอลมาชนแล้ว ไม่มีรถคันอื่นขับตาม หรือไล่จี้ท้ายมา มีเพียงดาบตำรวจคนหนึ่งออกมาจาก สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อมาสอบถามและดูจุดเกิดเหตุ ก่อนจะแจ้งรถพยาบาลให้มาจุดเกิดเหตุเท่านั้น
อีกทั้งยังสงสัยเกี่ยวกับคลิปวงจรปิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ลูกชายจะประสบอุบัติเหตุ โดยขณะนั้นลูกตนขี่รถผ่านบริเวณด้านหน้าหอพัก และมีรถสายตรวจขี่ตามประกบในลักษณะไล่ล่าลูกชายของตน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงตี 1 จากนั้นเวลาผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ลูกชายก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
ทั้งนี้ กลุ่มเพื่อนที่เดินทางไปด้วยกันกับผู้ตายขณะเกิดเหตุ เล่าว่า ฟุตบอลออกไปส่งเพื่อนผู้หญิง 2 คน หลังจากมาช่วยงานกีฬาสีที่หอพัก โดยขี่รถจักรยานยนต์ไป 2 คัน คือ รถของเพื่อน 1 คัน และรถของฟุตบอลซึ่งเป็นรถที่ยืมเพื่อนมาอีก 1 คัน จากนั้นเมื่อสายตรวจเห็นรถของฟุตบอลมีเสียงดัง จึงขี่รถไล่กวดตาม ซึ่งขณะนั้นเพื่อนผู้หญิงของน้องฟุตบอลก็ขี่รถตามไปด้วย เห็นว่ามีรถของเจ้าหน้าที่ และรถเก๋งสีขาวขับไล่ตาม กระทั่งคลาดกัน จึงกลับมารอที่หอพัก และพบว่าฟุตบอลขี่รถวนกลับมาที่หน้าหอพักอีกครั้ง โดยมีรถของเจ้าหน้าที่ไล่กวดมาอย่างในภาพวงจรปิด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณร้านค้าหน้า สภ.เมืองอุดรธานี ห่างจุดเกิดเหตุ 200 เมตร โดยกล้องสามารถบันทึกเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุพบน้องฟุตบอลขี่รถมาด้วยความเร็ว จากนั้นอีกประมาณ 38 วินาที มีรถจักรยานยนต์อีกคันขี่ตามมา แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเป็นรถของชาวบ้านทั่วไป ซึ่งกล้องตัวนี้ถือเป็นกล้องวงจรปิดตัวเดียว ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะที่น้องฟุตบอลขี่รถผ่าน
ด้าน พ.ต.อ. ภูมิวิทย์ เวชกามา ผู้กำกับการ สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรม โดยไม่ชี้ชัดว่าใครผิดหรือถูก พร้อมกำชับให้พนักงานสอบสวน เชิญตัวผู้ที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้สูญเสีย
ส่วนกรณีที่ญาติติดใจเรื่องเจ้าหน้าที่สายตรวจขี่รถไล่ตามก่อนเกิดเหตุนั้น ตนจะให้มีการตรวจสอบต่อไป แต่จากภาพวงจรปิดยังไม่พบว่ามีรถขี่ตามมา ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงยังไม่ทราบตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว เว้นแต่หากมีภาพวงจรปิดที่ชี้ชัด เห็นใบหน้า หรือมีพยานหลักฐาน จึงจะเชิญตัวมาให้ปากคำได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
จากกรณีสามีภรรยาข้าราชการครู โรงเรียนหนองหานวิทยา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เข้าร้องขอความเป็นธรรมให้น้องฟุตบอล อายุ 17 ปี ลูกชาย ที่ประสบอุบัติเหตุขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนกับรถกระบะจนเสียชีวิต บริเวณสี่แยก ซึ่งภายหลังทราบว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายขี่รถหลบหนีสายตรวจ จึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น และต้องการให้นำตัวเจ้าหน้าที่เข้ามาขอขมานั้น
ล่าสุด (7 ธันวาคม 2561) อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้า สภ.เมืองอุดรธานี ถ.ศรีสุข ตัด ถ.นเรศวร พบกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครอุดรธานีจำนวน 2 ตัว แต่อยู่ระหว่างการปรับปรุง
ทั้งนี้ สอบถาม นายลี้ธเนตร ชัยกิจมงคลกุล คนขับรถกระบะคู่กรณี เผยว่า วันเกิดเหตุตนขับรถมาด้วยความเร็วไม่มาก เมื่อมาถึงแยกไฟแดง พบว่าไม่มีสัญญาณไฟ ตนจึงชะลอความเร็ว และสังเกตว่าไม่มีรถจึงขับผ่านแยกไป ซึ่งขณะนั้นอากาศค่อนข้างเย็น ตนจึงไม่เปิดแอร์แต่ลดกระจกลงเล็กน้อยแทน จึงได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ตาย ขี่มาด้วยความเร็วมาก และมีเสียงดัง คาดว่าประมาณ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่รถของผู้ตายจะขี่มาชนช่วงล้อด้านหลังรถตน จนเสียหลักหันกลับลำไปทางเดิม
จากนั้น เมื่อรถจอดนิ่งแล้ว ตนจึงรีบลงไปดูคู่กรณีเพื่อจะช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และสังเกตว่าหลังจากที่น้องฟุตบอลมาชนแล้ว ไม่มีรถคันอื่นขับตาม หรือไล่จี้ท้ายมา มีเพียงดาบตำรวจคนหนึ่งออกมาจาก สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อมาสอบถามและดูจุดเกิดเหตุ ก่อนจะแจ้งรถพยาบาลให้มาจุดเกิดเหตุเท่านั้น
ขณะที่ นายเสฎฐสิฏฐ์ อายุ 43 ปี พ่อของน้องฟุตบอล กล่าวว่า ครอบครัวก็ยังรู้สึกติดใจการเสียชีวิตของลูกชาย เพราะพบพิรุธเกี่ยวกับกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากทางครอบครัวทำเรื่องขอดูภาพจากกล้อง กลับพบว่าไม่มีการบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ในเวลาเกิดเหตุ และถูกแจ้งว่ากล้องไม่ได้เสีย เพียงแต่ไม่มีการบันทึกไฟล์ภาพ
อีกทั้งยังสงสัยเกี่ยวกับคลิปวงจรปิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ลูกชายจะประสบอุบัติเหตุ โดยขณะนั้นลูกตนขี่รถผ่านบริเวณด้านหน้าหอพัก และมีรถสายตรวจขี่ตามประกบในลักษณะไล่ล่าลูกชายของตน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงตี 1 จากนั้นเวลาผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ลูกชายก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
ทั้งนี้ กลุ่มเพื่อนที่เดินทางไปด้วยกันกับผู้ตายขณะเกิดเหตุ เล่าว่า ฟุตบอลออกไปส่งเพื่อนผู้หญิง 2 คน หลังจากมาช่วยงานกีฬาสีที่หอพัก โดยขี่รถจักรยานยนต์ไป 2 คัน คือ รถของเพื่อน 1 คัน และรถของฟุตบอลซึ่งเป็นรถที่ยืมเพื่อนมาอีก 1 คัน จากนั้นเมื่อสายตรวจเห็นรถของฟุตบอลมีเสียงดัง จึงขี่รถไล่กวดตาม ซึ่งขณะนั้นเพื่อนผู้หญิงของน้องฟุตบอลก็ขี่รถตามไปด้วย เห็นว่ามีรถของเจ้าหน้าที่ และรถเก๋งสีขาวขับไล่ตาม กระทั่งคลาดกัน จึงกลับมารอที่หอพัก และพบว่าฟุตบอลขี่รถวนกลับมาที่หน้าหอพักอีกครั้ง โดยมีรถของเจ้าหน้าที่ไล่กวดมาอย่างในภาพวงจรปิด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณร้านค้าหน้า สภ.เมืองอุดรธานี ห่างจุดเกิดเหตุ 200 เมตร โดยกล้องสามารถบันทึกเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุพบน้องฟุตบอลขี่รถมาด้วยความเร็ว จากนั้นอีกประมาณ 38 วินาที มีรถจักรยานยนต์อีกคันขี่ตามมา แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเป็นรถของชาวบ้านทั่วไป ซึ่งกล้องตัวนี้ถือเป็นกล้องวงจรปิดตัวเดียว ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะที่น้องฟุตบอลขี่รถผ่าน
ด้าน พ.ต.อ. ภูมิวิทย์ เวชกามา ผู้กำกับการ สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรม โดยไม่ชี้ชัดว่าใครผิดหรือถูก พร้อมกำชับให้พนักงานสอบสวน เชิญตัวผู้ที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้สูญเสีย
ส่วนกรณีที่ญาติติดใจเรื่องเจ้าหน้าที่สายตรวจขี่รถไล่ตามก่อนเกิดเหตุนั้น ตนจะให้มีการตรวจสอบต่อไป แต่จากภาพวงจรปิดยังไม่พบว่ามีรถขี่ตามมา ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงยังไม่ทราบตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว เว้นแต่หากมีภาพวงจรปิดที่ชี้ชัด เห็นใบหน้า หรือมีพยานหลักฐาน จึงจะเชิญตัวมาให้ปากคำได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี