ฮิวแมนไรตส์วอตช์ เรียกร้องไทยระงับส่งตัว สาวซาอุฯ วัย 18 ปี กลับครอบครัว หวั่นต้องเจอกับอันตราย ด้าน พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล เผยส่ง จนท. คุยแล้ว ยินดีกลับประเทศเอง
กำลังเป็นประเด็นข่าวที่ทั่วโลกติดตามใกล้ชิด กรณี ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนุน สาวชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ที่ออกมาขอความช่วยเหลือ จากกรณีที่เธอตัดสินใจหนีจากครอบครัวที่ประเทศคูเวตบินมาไทย เพราะทนไม่ไหวกับการดูแลของพ่อแม่ที่มักทำร้ายร่างกายและจิตใจ โดยตั้งใจจะบินต่อไปขอสถานะผู้ลี้ภัยที่ออสเตรเลีย แต่ต่อมาทางครอบครัวทราบเรื่องและได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เธอถูกกักตัวอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิและเตรียมถูกส่งกลับซาอุดีอาระเบีย
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @rahaf84427714
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 7 มกราคม 2562 รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายงานว่า พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวได้รับรายงานว่า ราฮาฟ หนีงานแต่งงานมาหาเพื่อนที่เมืองไทย เข้าเมืองโดยไม่ได้จองตั๋วไป-กลับ และไม่ได้จองโรงแรมที่พัก และมีจำนวนเงินไม่เพียงพอตามหลักเกณฑ์กำหนด ส่วนกระแสข่าวที่ว่า ราฮาฟ ถูกทางการไทยกักขังนั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการกักขัง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยแล้ว โดยมีการทำความเข้าใจและยินดีที่จะกลับประเทศ
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @rahaf84427714
อย่างไรก็ดี ทางฮิวแมนไรตส์วอตช์ (Human Rights Watch) องค์กรปกป้องสิทธิมนุษยชน ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า รัฐบาลไทยไม่ควรส่งตัว ราฮาฟ กลับไปให้ครอบครัว เพราะเธอต้องเผชิญหน้ากับอันตราย โดยไทยควรจะระงับการเนรเทศทันที และอนุญาตให้เธอเดินทางต่อไปยังออสเตรเลีย หรือไม่ก็อนุญาตให้เธออยู่ในไทยต่อไป เนื่องจากการส่งตัวของเธอไปจะเป็นการปล่อยให้เธอต้องเผชิญกับอันตรายจากครอบครัว การกีดกันทางเสรีภาพ
ด้าน นายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรตส์วอตช์เอเชีย ทวีตข้อความซึ่งเป็นวิดีโอของเธอ ระบุว่า เธอปิดประตูปกป้องตัวเองจากคนภายนอกภายในห้องพัก และเธอจะไม่ออกไปจากที่นั่นจนกว่า จะได้พบกับตัวแทนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ขณะที่รายงานล่าสุด ราฮาฟ ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับตัวแทน UNHCR แต่อย่างใด