โซเชียลแชร์ เรื่องราวสุดสะเทือนใจ ป้าก่อสร้างยืนนับค่าแรง ซื้อหน้ากากกันฝุ่นพิษให้ลูก แค่อากาศดี ๆ ยังไม่มีหายใจ กระทบไปทุกภาคส่วน
![PM2.5]( "PM2.5")
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทพ. ดร.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล เลขาธิการมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาศักยภาพผู้นำการสร้างสุขภาวะ (คศน.) ได้โพสต์เล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thongchai Vachirarojpisan ถึงเรื่องราวสุดสะเทือนใจเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตหมอกพิษ เมื่อได้พบกับคุณป้าทำงานก่อสร้างควักเงินค่าแรง เพื่อซื้อหน้ากากกันฝุ่นที่มีราคาค่อนข้างสูง เพื่อให้ลูกสาว และตนเองสวมใส่ป้องกันฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เห็นว่านอกจาก ฝุ่น PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว ยังส่งผลกระทบอย่างมากกับคนที่มีรายได้น้อย ดังข้อมูลต่อไปนี้
"ป้าทำงานอะไร?" เภสัชกรร้านขายยาในตลาดเวิร์ดมาร์เก็ต ทวีวัฒนา ถามหญิงวัยกลางคนใส่เสื้อลายสก็อตนุ่งกางเกงขาสั้นสีมอม ๆ ที่มากับลูกสาวในชุดนักเรียนมัธยม
สองคนแม่ลูกกำลังเลือกซื้อหน้ากากกันฝุ่น
ผมยืนอยู่ข้างหลังเพื่อรอคิวจ่ายเงินซื้อหน้ากากกันฝุ่นเช่นกัน จึงได้ยินการสนทนาชัดเจน
"ทำงานก่อสร้าง" หญิงกลางคนตอบ และถามกลับว่า "หน้ากากนี้มันกันฝุ่นได้ไหม"
เภสัชกรตอบว่า "แบบนี้กันไม่ได้ 100% ราคา 95 บาทได้ 2 ชิ้น ถ้าจะเอาแบบกันได้ 100% ต้องซื้ออีกแบบ (ชี้ไปที่แบบทรงกะโหลกที่พับไม่ได้) ราคาชิ้นละ 85 บาท ก็จะกันฝุ่นได้ดีกว่า"
สองคนแม่ลูกลังเล ปรึกษากันอยู่พักใหญ่ กว่าจะตัดสินใจเลือกซื้อแบบราคาถูกกว่า ซื้อไป 3 คู่ เป็นเงิน 285 บาท
ผมยืนดูตอนที่หญิงกลางคนนับเงินย่อยในกระเป๋าตังค์เพื่อจ่ายค่าหน้ากากกันฝุ่น อย่างสะเทือนใจ
เภสัชกรบอกป้าด้วยความเห็นใจว่า "ป้าไม่ต้องเปลี่ยนทุกวันนะ ใช้สัก 3 วันค่อยเปลี่ยนก็ได้"
ผมคิดในใจว่า ถ้าป้าได้ค่าแรงวันละ 300-400 บาท
การซื้อหน้ากากกันฝุ่นราคาขนาดนี้ก็เป็นภาระทางการเงินที่หนักหนาสาหัสทีเดียว
ฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่ใช้อากาศเดียวกันหายใจ แต่กระทบอย่างมากกับคนที่มีรายได้น้อย เราพึ่งรัฐไม่ได้ คนมีเงินพึ่งตนเองได้ แล้วคนที่มีรายได้น้อยจะทำอย่างไร"
เพิ่มเติมนะครับ มีความเข้าใจผิดว่า หน้ากากกันฝุ่นชิ้นละ 95 บาท ร้านขายยาค้ากำไรเกินควร จริง ๆ แล้วบทความที่ผมเขียนตอนต้นระบุไว้ชัดเจนว่า "95 บาท มี 2 ชิ้น หรือชิ้นละ 47 บาท 50 สตางค์" ขอความกรุณาทุกท่านโปรดเข้าใจด้วยนะครับ"
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทพ. ดร.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล เลขาธิการมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาศักยภาพผู้นำการสร้างสุขภาวะ (คศน.) ได้โพสต์เล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thongchai Vachirarojpisan ถึงเรื่องราวสุดสะเทือนใจเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตหมอกพิษ เมื่อได้พบกับคุณป้าทำงานก่อสร้างควักเงินค่าแรง เพื่อซื้อหน้ากากกันฝุ่นที่มีราคาค่อนข้างสูง เพื่อให้ลูกสาว และตนเองสวมใส่ป้องกันฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เห็นว่านอกจาก ฝุ่น PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว ยังส่งผลกระทบอย่างมากกับคนที่มีรายได้น้อย ดังข้อมูลต่อไปนี้
"ป้าทำงานอะไร?" เภสัชกรร้านขายยาในตลาดเวิร์ดมาร์เก็ต ทวีวัฒนา ถามหญิงวัยกลางคนใส่เสื้อลายสก็อตนุ่งกางเกงขาสั้นสีมอม ๆ ที่มากับลูกสาวในชุดนักเรียนมัธยม
สองคนแม่ลูกกำลังเลือกซื้อหน้ากากกันฝุ่น
ผมยืนอยู่ข้างหลังเพื่อรอคิวจ่ายเงินซื้อหน้ากากกันฝุ่นเช่นกัน จึงได้ยินการสนทนาชัดเจน
"ทำงานก่อสร้าง" หญิงกลางคนตอบ และถามกลับว่า "หน้ากากนี้มันกันฝุ่นได้ไหม"
เภสัชกรตอบว่า "แบบนี้กันไม่ได้ 100% ราคา 95 บาทได้ 2 ชิ้น ถ้าจะเอาแบบกันได้ 100% ต้องซื้ออีกแบบ (ชี้ไปที่แบบทรงกะโหลกที่พับไม่ได้) ราคาชิ้นละ 85 บาท ก็จะกันฝุ่นได้ดีกว่า"
สองคนแม่ลูกลังเล ปรึกษากันอยู่พักใหญ่ กว่าจะตัดสินใจเลือกซื้อแบบราคาถูกกว่า ซื้อไป 3 คู่ เป็นเงิน 285 บาท
ผมยืนดูตอนที่หญิงกลางคนนับเงินย่อยในกระเป๋าตังค์เพื่อจ่ายค่าหน้ากากกันฝุ่น อย่างสะเทือนใจ
เภสัชกรบอกป้าด้วยความเห็นใจว่า "ป้าไม่ต้องเปลี่ยนทุกวันนะ ใช้สัก 3 วันค่อยเปลี่ยนก็ได้"
ฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่ใช้อากาศเดียวกันหายใจ แต่กระทบอย่างมากกับคนที่มีรายได้น้อย เราพึ่งรัฐไม่ได้ คนมีเงินพึ่งตนเองได้ แล้วคนที่มีรายได้น้อยจะทำอย่างไร"
เพิ่มเติมนะครับ มีความเข้าใจผิดว่า หน้ากากกันฝุ่นชิ้นละ 95 บาท ร้านขายยาค้ากำไรเกินควร จริง ๆ แล้วบทความที่ผมเขียนตอนต้นระบุไว้ชัดเจนว่า "95 บาท มี 2 ชิ้น หรือชิ้นละ 47 บาท 50 สตางค์" ขอความกรุณาทุกท่านโปรดเข้าใจด้วยนะครับ"
