สนช. ผ่านร่างแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก ให้ตัดแต้มใบขับขี่ เมื่อผู้ขับขี่ทำผิดกฎ และให้สิทธิ์เจ้าหน้าที่ในการระงับ หรือยินยอมให้ขับขี่ตามสมควร เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน เตรียมส่ง ครม. พิจารณาต่อ
ภาพจาก Patrick Tr / Shutterstock.com
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 เวิร์คพอยท์นิวส์ รายงานว่า ในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทางคณะกรรมาธิการฯ
ได้ส่งร่าง พ.ร.บ. จราจรทางบก ที่พิจารณาแล้วเสร็จให้ สนช.
พิจารณาเพื่อเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป สาระสำคัญคือ
เห็นสมควรแก้ไขพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การออกใบสั่งสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร
ที่กำหนดให้ใช้การบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับขี่
รองรับการใช้ใบขับขี่แบบอิเล็กทรอนิกส์
รวมถึงกำหนดมาตรการที่เกี่ยวกับการดูแลและบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกให้มีประสิทธิภาพ
หลักเกณฑ์และข้อกำหนดในประเด็นการตัดคะแนนความประพฤติของบุคคลที่ฝ่าฝืนหรือทำผิดกฎจราจร จะรวมถึงการเพิ่มบทบัญญัติให้เจ้าหน้าที่สามารถระงับการใช้รถ หรือยินยอมให้ผู้ขับขี่ขับรถได้ อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีความกังวลกรณีนี้อาจเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้กรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า หลังจากร่างกฎหมายมีผลบังคับใช้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะต้องออกข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการตัดคะแนนผู้ขับขี่ให้ชัดเจน
เบื้องต้นร่างข้อกำหนดระบุให้ผู้ขับขี่มีคะแนน
12 คะแนน ตัวอย่างหลักเกณฑ์การตัดคะแนน เช่น การฝ่าไฟแดง ตัด 1 คะแนน
หรือการไม่หลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉิน ตัด 3 คะแนน เมื่อคะแนนถูกตัดจนหมด
ผู้ขับขี่จะถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ถ้าหากอยากได้แต้มคืน
ก็จะต้องเข้ารับการอบรมโดยมีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ก่อนที่ สตช.
จะออกข้อกำหนดต่าง ๆ นั้น จะมีการจัดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนด้วย
ด้าน นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ที่ขอแก้ไขมาตรา 160 จัตวา ว่าด้วยการให้นิติบุคคลที่เป็นผู้ให้เช่ารถ ชำระโทษปรับ หรือรับโทษแทนผู้เช่ารถที่ฝ่าฝืนหรือทำผิดกฎจราจร กรณีที่ผู้เช่ารถไม่ชำระค่าปรับหรือรับโทษตามกฎหมายนั้น กรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ยังยืนยันว่า ไม่สามารถเพิ่มเนื้อหาดังกล่าวได้ เพราะเนื้อหาขัดกับหลักการ และตามกฎหมายไม่สามารถบังคับให้ผู้อื่นชำระโทษปรับหรือรับโทษแทนบุคคลที่กระทำผิดได้
ประเด็นดังกล่าวทำให้ที่ประชุม สนช. มีความเห็นไม่ตรงกันและไม่สามารถหาข้อยุติได้ ประธานในที่ประชุมจึงสั่งพักการประชุมนานชั่วคราว เมื่อ สมาชิก สนช. กลับมาประชุมอีกครั้ง ก็ได้ข้อยุติ คือ กรรมาธิการฯ จะปรับแก้โดยให้นิติบุคคลแจ้งชื่อ ที่อยู่ พร้อมหลักฐานอื่นต่อพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นบุคคลที่ขับขี่ในขณะที่กระทำผิดภายใน 30 วัน หากไม่แจ้งนิติบุคคล มีโทษปรับ 5 เท่าของโทษปรับสูงสุด
ทั้งนี้ผลการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวาระที่ 3 มีคะแนนเสียงดังนี้ เห็นด้วย 138 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี และเห็นพร้อมกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ในการประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบกดังกล่าวเป็นกฎหมาย จากนั้น จะจัดส่งให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก