x close

ธนาธร ยักไหล่ พร้อมเข้าคุก แม้โดนคดีก็ไม่หนีไปไหน หากเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อประเทศ

            ธนาธร พร้อมเข้าคุก ถ้าเป็นราคาที่ต้องจ่ายให้กับคนรุ่นต่อไป เชื่อสังคมจะมองเห็นความไม่เป็นธรรม ยันแค่ตนคนเดียว เปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้









ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
 
            วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 รายการแฉ ทางช่อง GMM25 ได้สัมภาษณ์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังต้องพ้นสภาพการเป็น ส.ส. จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีถือหุ้นสื่อจากการถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด

            นายธนาธร กล่าวถึงกรณีที่อาจจะเป็น ส.ส. ที่มีสถิติได้เข้าประชุมสภาน้อยที่สุด (40 นาที) ว่า ตนตั้งพรรคขึ้นมาไม่ได้ต้องการเพื่อเป็น ส.ส. หรือมียศศักดิ์ใด ๆ เพียงแค่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ไปข้างหน้า ให้มีความเสมอภาค แม้จะไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ไม่ได้สลักสำคัญ ตนยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ และจะสร้างพรรคที่แข็งแกร่ง รณรงค์อุดมการณ์ของพรรคในระยะยาวต่อไป

            ส่วนกรณีที่อาจจะถูกดำเนินคดีนั้น นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่ได้รู้สึกตกใจ เพราะอำนาจที่เราต่อสู้อยู่ คืออำนาจเผด็จการกลายร่าง ที่อาจจะมีเสื้อคลุมเป็นประชาธิปไตย แต่เนื้อแท้ของมันก็ยังเป็นเผด็จการอยู่ รู้อยู่แล้วว่าการต่อสู้กับเผด็จการพวกนี้จะต้องเจอกับอำนาจมืด การขู่เข็ญ การคุกคาม การใช้คดีมาหยุดไม่ให้พวกเราเดินหน้า พวกเราทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่พวกเรานั้นไม่มีความกังวล ซึ่งตนซึ่งเป็นถูกร้องจะพูดถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในโอกาสต่อไป

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

            นายธนาธร ยืนยันว่า ตนพร้อมเลือกติดคุก มากกว่าหนีออกนอกประเทศ ถ้าอยากจะจับตนเข้าคุก ก็จับเลย ไม่มีอะไรหยุดยั้งพวกท่านไม่ให้จับได้ เพราะปลายปากกาจะเขียนอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพวกท่านอยู่แล้ว ตนเข้ามาตรงนี้ด้วยความปรารถนาดี อยากให้บ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตย และเป็นสังคมที่ปกติ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้ แต่ด้วยระบบ คสช. ที่แฝงร่างมาอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 มันจะฉุดรั้งไม่ให้พวกเราไปข้างหน้าได้ แต่พรรคก็เข้ามาอยู่ระบบนี้ และดำเนินการสร้างสรรค์ตามที่หาเสียง ส่วนตนที่ไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาได้ ก็จะทำงานกับประชาชนต่อไป

            คำถามที่ว่าการกระทำที่ผ่าน ๆ มา เป็นการท้าทายอำนาจเก่าเกินไปหรือไม่ นายธนาธร ยืนยันว่า กิจกรรมต่าง ๆ เป็นการต่อยอดจากที่รณรงค์ตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ก่อนจะนำนโยบายเปลี่ยนเป็นร่างกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ตัดสินแทนประชาชนก็คือ ส.ส. จากเสียงประชาชน ถือเป็นการกระทำตามระบอบประชาธิปไตยตามปกติ

            กรณีว่าควรจะกลับไปทำธุรกิจแบบเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนในครอบครัวถูกคดีไปด้วยนั้น นายธนาธร ยืนยันว่า ตนได้ทิ้งชีวิตที่เคยสะดวกสบายไว้ข้างหลังเพื่ออยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ไปข้างหน้า คงไม่ย้อนกลับไปทำธุรกิจอีกแล้ว ส่วนเรื่องคดีความนั้น ถ้ายึดจากคำวินิจฉัยล่าสุด จะเห็นว่ามีแต่ที่อ้างคำว่าสันนิษฐาน ไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่หักแย้งกับหลักฐานที่ตนเสนอไปแม้แต่ชิ้นเดียว

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ภาพจาก Instagram thanathorn.ig

            นายธนาธร ยอมรับว่า คงต้องบอกว่าไม่มีใครอยากติดคุกแน่ ๆ ตนยังมีลูกอยู่ ลูกชายคนโตกำลังจะเป็นวัยรุ่น อายุ 11 ขวบ กำลังเข้าสู่วัยรุ่น ลูกก็คงจะอยากได้คำปรึกษาในช่วงวัยรุ่น ตนคงจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นถ้าติดคุก ลูกสาวคนที่ 2 เป็นคนที่หัวไว รักการอ่านหนังสือ ตนก็ยังอยากจะอยู่ใกล้ ๆ ลูกสาวเพื่อที่จะแนะนำให้ลูกอ่านหนังสือ ลูกชายคนที่ 3 อายุ 4 ขวบ กำลังเริ่มเตะฟุตบอล ตนคงไม่มีโอกาสสอนเขาเตะฟุตบอล ลูกชายคนเล็ก ตอนนี้เพิ่ง 1 ขวบ ก็คงไม่ได้ไปส่งเขาเข้าโรงเรียนวันแรกถ้าต้องติดคุก

            แต่ไม่เป็นไร ถ้านี่คือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อที่จะต่อสู้ให้กับคนรุ่นต่อไปสำหรับประเทศ ถ้านี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับอนาคตของประเทศ ก็พร้อมจ่าย พร้อมติดคุก ดังนั้นจะเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ไม่มีหนี ไม่ห่วง ไม่ต้องกลัว ก็ได้แต่หวังว่าการกระทำของตน ผู้คนประชาชน จะมองเห็นถึงความไม่เป็นธรรมในประเทศนี้ แล้วลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงร่วมกัน

            ต้องบอกว่าตนไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ ตนคนเดียวทำไม่ได้ ตนเป็นคนธรรมดาที่อยากเห็นสังคมที่ดีขึ้น ตนคนเดียวทำไม่ได้ ทนไม่ไหวกับความไม่เป็นธรรมในสังคมไทย จึงต้องลุกขึ้นมาทำเอง



ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ภาพจาก Instagram thanathorn.ig

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ภาพจาก Instagram thanathorn.ig

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ธนาธร ยักไหล่ พร้อมเข้าคุก แม้โดนคดีก็ไม่หนีไปไหน หากเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อประเทศ อัปเดตล่าสุด 26 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14:48:59 15,437 อ่าน
TOP