ย้อนโพสต์ชูวิทย์ อิทธิฤทธิ์งูเห่าฝ่ายค้าน ระดับอนาคอนด้า บงการเกมอยู่นอกสภา ต้นเหตุอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่สำเร็จ จวกฝ่ายค้านเทียม เตี๊ยมกันไว้แล้ว
จากกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ของฝ่ายค้านต้องสิ้นสุดลง เนื่องจากผู้อภิปรายจากฝ่ายค้านบางพรรคบริหารจัดการเวลาไม่ดี จนพรรคอื่นที่อยู่ถัดมา เหลือเวลาไม่เพียงพอในการอภิปราย ประกอบกับทางฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ยินยอมให้มีการขยายเวลาการอภิปราย จนฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ และมีการลงมติให้ใช้สิทธิ์ออกเสียงลงคะแนน ซึ่งมีผลให้มีการปิดมติการประชุมปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยคะแนน 251 งดออกเสียง 7 ไม่ลงคะแนน 2 จนทำให้นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ แสดงความไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
อ่านข่าว : ปิยบุตร ซัด ไม่ได้อภิปรายประวิตร-อนุพงษ์-วิษณุ พวกเดียวกันสับขาหลอก ฝ่ายค้านแตก !
ล่าสุด เมื่อย้อนดูโพสต์ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความเอาไว้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่พูดถึงงูเห่าฝ่ายค้าน และคนบงการเบื้องหลัง ซึ่งคนบงการนี้ไม่ต้องลงมาเล่นการเมืองเอง แต่มีการต่อรองผลประโยชน์ไว้แล้ว จนทำให้ฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายค้านเทียม เตี๊ยมกันดื้อ ๆ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ระบุว่า มีงูเห่าในพรรคฝ่ายค้านอยู่ 12 ตัว ซึ่งต่างมีข้ออ้างที่ระบุถึงความจำเป็นในการย้ายพรรค แต่ตนเชื่อสาเหตุที่แท้จริงก็คือเรื่องผลประโยชน์ เพราะงูเห่าพวกนี้ส่วนใหญ่เป็น ส.ส. หน้าใหม่ มักทนต่อสิ่งยั่วยวนไม่ไหวจนต้องยอมย้ายฝั่งในที่สุด
และนอกจากงูเห่า 12 ตัวนี้ ก็ยังมีงูเห่าระดับอนาคอนด้า ที่ไม่ได้อยู่ในสภา แต่คอยวางกลยุทธ์การเมืองระดับปรมาจารย์สั่งการอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย ทำให้ฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพในการทำงานในสภา เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยงูเห่าระดับอนาคอนด้าตัวนี้ ได้แอบไปตกลงกับทางรัฐบาล โดยการนำรายชื่อผู้ที่ถูกอภิปรายไปต่อรอง จนสุดท้ายคนที่น่าจะถูกอภิปรายที่สุด กลับไม่มีอยู่ในรายชื่อผู้ถูกอภิปราย ถึงขั้นว่าหากไม่อภิปรายคนนี้ จะขอให้คนของตนเองขึ้นเป็นรัฐมนตรี การเดินกลยุทธ์ทางการเมืองเช่นนี้ จึงฉลาดมากเนื่องจากไม่เสียชื่อเสียง แถมยังได้ผลประโยชน์ตามที่ตกลงเอาไว้กับฝ่ายรัฐบาลอีกด้วย
ส่วนทางฝั่งของพรรคอนาคตใหม่นั้น มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ยาก เนื่องจากพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพ เพราะเป็นฝ่ายค้านเทียม ถึงจะอภิปรายไม่ไว้วางใจกี่รอบก็ล้มรัฐบาลไม่ได้อยู่ดี
"บารมีก็ได้ ชื่อก็ไม่เสีย ไม่ต้องให้คนด่า ไม่ต้องไปวิ่งไล่ใครให้เห็น ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ เพราะมีคนไปร้องไห้กวนใจ นั่งจิบไวน์สบายแฮที่บ้าน
แล้วอย่างนี้พรรคอนาคตใหม่หวังจะประสบความสำเร็จได้ยังไง ? ในเมื่อฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพแบบนี้ ? เพราะมันเป็นฝ่ายค้านเทียม เตี๊ยมกันมาแต่ต้น
นักการเมืองรุ่นเก๋าเขาถึงบอก อุดมการณ์ต้องเก็บไว้ในลิ้นชัก การเมืองในสภามันลิเกโรงใหญ่ ผลประโยชน์ต้องมาก่อนประเทศชาติ
เพราะหากกูยังไม่ได้ประโยชน์ แล้วประเทศชาติจะไปได้ประโยชน์ ยังไงวะ ?"
ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
อ่านข่าว : ปิยบุตร ซัด ไม่ได้อภิปรายประวิตร-อนุพงษ์-วิษณุ พวกเดียวกันสับขาหลอก ฝ่ายค้านแตก !
ล่าสุด เมื่อย้อนดูโพสต์ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความเอาไว้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่พูดถึงงูเห่าฝ่ายค้าน และคนบงการเบื้องหลัง ซึ่งคนบงการนี้ไม่ต้องลงมาเล่นการเมืองเอง แต่มีการต่อรองผลประโยชน์ไว้แล้ว จนทำให้ฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายค้านเทียม เตี๊ยมกันดื้อ ๆ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ระบุว่า มีงูเห่าในพรรคฝ่ายค้านอยู่ 12 ตัว ซึ่งต่างมีข้ออ้างที่ระบุถึงความจำเป็นในการย้ายพรรค แต่ตนเชื่อสาเหตุที่แท้จริงก็คือเรื่องผลประโยชน์ เพราะงูเห่าพวกนี้ส่วนใหญ่เป็น ส.ส. หน้าใหม่ มักทนต่อสิ่งยั่วยวนไม่ไหวจนต้องยอมย้ายฝั่งในที่สุด
และนอกจากงูเห่า 12 ตัวนี้ ก็ยังมีงูเห่าระดับอนาคอนด้า ที่ไม่ได้อยู่ในสภา แต่คอยวางกลยุทธ์การเมืองระดับปรมาจารย์สั่งการอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย ทำให้ฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพในการทำงานในสภา เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยงูเห่าระดับอนาคอนด้าตัวนี้ ได้แอบไปตกลงกับทางรัฐบาล โดยการนำรายชื่อผู้ที่ถูกอภิปรายไปต่อรอง จนสุดท้ายคนที่น่าจะถูกอภิปรายที่สุด กลับไม่มีอยู่ในรายชื่อผู้ถูกอภิปราย ถึงขั้นว่าหากไม่อภิปรายคนนี้ จะขอให้คนของตนเองขึ้นเป็นรัฐมนตรี การเดินกลยุทธ์ทางการเมืองเช่นนี้ จึงฉลาดมากเนื่องจากไม่เสียชื่อเสียง แถมยังได้ผลประโยชน์ตามที่ตกลงเอาไว้กับฝ่ายรัฐบาลอีกด้วย
ส่วนทางฝั่งของพรรคอนาคตใหม่นั้น มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ยาก เนื่องจากพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพ เพราะเป็นฝ่ายค้านเทียม ถึงจะอภิปรายไม่ไว้วางใจกี่รอบก็ล้มรัฐบาลไม่ได้อยู่ดี
"บารมีก็ได้ ชื่อก็ไม่เสีย ไม่ต้องให้คนด่า ไม่ต้องไปวิ่งไล่ใครให้เห็น ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ เพราะมีคนไปร้องไห้กวนใจ นั่งจิบไวน์สบายแฮที่บ้าน
แล้วอย่างนี้พรรคอนาคตใหม่หวังจะประสบความสำเร็จได้ยังไง ? ในเมื่อฝ่ายค้านไม่มีเอกภาพแบบนี้ ? เพราะมันเป็นฝ่ายค้านเทียม เตี๊ยมกันมาแต่ต้น
นักการเมืองรุ่นเก๋าเขาถึงบอก อุดมการณ์ต้องเก็บไว้ในลิ้นชัก การเมืองในสภามันลิเกโรงใหญ่ ผลประโยชน์ต้องมาก่อนประเทศชาติ
เพราะหากกูยังไม่ได้ประโยชน์ แล้วประเทศชาติจะไปได้ประโยชน์ ยังไงวะ ?"
ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์