แม่ช็อกใจแทบขาด เผลอแป๊บเดียว ผัวเสพยาจนหลอน คว้าสากกะเบือทุบหัวลูกชาย 4 ขวบ ดับสยอง เผยไม่เคยทำร้ายลูก หยุดยาแล้ว คาดกลับมาเสพเพราะเครียด ไม่มีงานทำ จากพิษ โควิด 19
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 พ.ต.อ. ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ ผกก.ภาษีเจริญ พร้อมด้วย พ.ต.ท. ศิริชาติ จันทร์พรมมา รอง ผกก.ป.สน.ภาษีเจริญ รุดเข้าตรวจสอบ ห้องพักบนชั้น 2 ของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายในพื้นที่แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ หลังได้รับแจ้งเหตุพ่อทำร้ายลูกจนเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ ทราบชื่อคือ นายจตุพล อายุ 41 ปี พร้อมอาวุธของกลาง เป็นสากกะเบือเปื้อนเลือด 1 อัน
จากการสอบสวนภรรยาของนายจตุพล ได้ความว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ตนออกไปทำธุระนอกบ้าน พอกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่า สามีได้มีอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาติด ใช้สากกะเบือทุบหัว น้องเอ (นามสมมุติ) ลูกชาย วัย 4 ขวบ และทุบตีตามร่างกาย จนเป็นแผลฉกรรจ์ที่บริเวณหน้าผาก รวมทั้งมีร่องรอยฟกช้ำทั่วทั้งตัว อาการสาหัส ตนได้รีบนำตัวลูกส่งโรงพยาบาลบางไผ่ แต่ลูกชายก็ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว นายจตุพล ออกจากห้องขัง สน.ภาษีเจริญ มาขึ้นรถนั้น พบว่านายจตุพลยังคงมีอาการนิ่งเฉยและเหม่อลอยจากฤทธิ์ยาเสพติด
ทางด้านญาติและลูกสาว อายุ 12 ปี ที่มารอเยี่ยมได้นำอาหารมาให้ พร้อมพูดว่า ขอให้ยอมรับผิด และรับโทษไปตามกฎหมาย จากนี้จะมาเยี่ยมตลอด ซึ่งผู้ต้องหาก็พยักหน้ารับรู้
ญาตินายจตุพล เล่าว่า ส่วนตัวรู้ว่านายจตุพลเคยเสพยาเสพติดมาก่อน แต่ก็ได้เลิกเสพมานานแล้ว คาดว่ากลับมาเสพยาอีกครั้งเพราะความเครียดจากสถานการณ์โรคโควิด 19 ทำให้ไม่มีมีงานทำ แต่ยังมีภาระหลายอย่าง ทั้งค่าเช่ารถที่ต้องจ่ายทุกเดือน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ญาติกล่าวอีกว่า นายจตุพลมีลูก 3 คน แต่ละคนอยู่กันคนละที่ น้องที่เสียชีวิตเป็นลูกคนเล็กที่อาศัยอยู่กับนายจตุพล ส่วนลูกสาวคนกลาง อายุ 12 ปี อยู่กับปู่ย่า นาน ๆ ครั้งก็จะแวะเวียนไปมาหาสู่กัน ปกติแล้วนายจตุพลเป็นคนดี รักลูก ไม่เคยทำร้ายลูกมาก่อน จนกระทั่งมาก่อเหตุสลด
ด้านลูกสาว วัย 12 ปี กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่รู้จะพูดอะไร แค่อยากให้พ่อมาขอขมาศพน้องเท่านั้น
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN